คลังบทความของบล็อก

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ พระอาจารย์ผู้อยู่เหนือเศียรเกล้า 9

    

     เคยได้ยินพวกลูกศิษย์รุ่นเดียวกันกับผม คุยให้ฟังหลายคนว่า หลวงปู่ท่านมีวิชาเสกท่านปลัดอยู่แต่ท่านไม่เสก และไม่เคยเต็มใจเสกให้ใคร เพราะท่านไม่ชอบเวลาถ้าใครไปขอทำปลัด ท่านก็จะบอกว่า

........ทะลึ่ง ไม่ชอบ....

      พวกเราก็เลยพับโครงการท่านปลัดเอื้ออาทรไป แต่ก็มีพระทางชลบุรี-ระยองที่มาพักอยู่กับหลวงปู่ท่าน ได้แอบเอาปลัดขิกเข้าไปฝากในเขตบายศรีเวลาเขามาลงสาริกาเหมือนกัน และเท่าที่ทราบไม่ว่าใครได้ท่านปลัดชุดนี้ไปก็จะฝันแปลก ๆ กันทุกคน (ฝันว่า....??)

    และก็มีลูกศิษย์ที่คอยติดตามหลวงปู่ ฯ ท่านไปทุกที่ อยู่คนชื่อนายบูรณ์ คนนี้ก็เป็นหลานหลวงปู่ ฯ ท่านคนนึง นายคนนี้ตามหลวงปู่ไปทุกที่ มีครั้งนึงแกเล่าให้ฟังว่า แกไประนองกับหลวงปู่ท่าน คนเขาให้ท่านปลัดหลวงพ่อยิด มา 2 ดอก เป็นกระดูกปลาพยูน แล้วแกก็เอาปลัดที่ได้มาร้อยไว้กับกุญแจต่าง ๆ ในพวงกุญแจมาโชว์ให้ดู แล้วแกก็เล่าว่า


    
   ....พี่ ตอนนั้นผมนอนเฝ้าหลวงพ่อ(บูรณ์เรียกหลวงปู่ว่าหลวงพ่อ) พอหลวงพ่อตื่นผมก็ลุกขึ้นมาสวดมนต์ผมก็เอาพวงกุญแจที่ผมถอดเอาวางไว้ข้างที่นอน มาวางไว้ข้างหน้าบนยกพื้น ข้าง ๆ ที่นอนหลวงพ่อ ผมกำลังง่วง ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง แคร็ก ๆ ๆ ก็ลืมตาดูเห็นพวงกุญแจมันขยับได้ ก็นึกได้ว่ามีปลัดขิก หลวงพ่อท่านก็หันมาดูผมเลยรีบเก็บมาใส่กระเป๋าไว้ กลัวหลวงพ่อจะว่าเอา ผมเลยเชื่อว่าหลวงพ่อท่านก็เสกปลัดขิกให้เคลื่อนไหวได้ พี่ลองขอหลวงพ่อทำปลัดขิกแล้วมาแบ่งกันสิ ....

      ผมเองก็อยากได้อยู่นะเพราะรู้เรื่องที่หลวงพี่จาก จ.ระยอง เอาปลัดขิกมาซุกไว้ในพิธิพอเอามาแจกกันยังได้เรื่อง พอดูโอกาศเหมาะก็เข้าไปกราบเรียนท่าน ขออนุญาตเอาปลัดขิกมาให้ท่านเสกให้ หลวงปู่ท่านก็ว่า....อึ้...ทำมา....แต่ผมสังเกตุก็รู้ว่าท่านไม่เต็มใจเท่าไหร่ ก็เลยพับโครงการปลัดเอื้ออาทรไปเป็นการถาวร



         ครั้งนึงเพื่อนของเฮียที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ฯของเรา ไปกราบหลวงพ่อเปิ่นที่วัดบางพระ พอดีว่ามีคนเขาพาผู้ที่ถูกคุณไสยมีอาการเหมือนผีเข้ามาให้หลวงพ่อเปิ่น ท่านรักษา พอหลวงพ่อเปิ่นท่านทราบเรื่องท่านก็นิ่งไปสักครู่ ท่านก็หันมาพูดกับเพื่อนของเฮีย(ลูกศิษย์หลวงปู่ฯเรา) ว่า

....เออ มีปากกาอาจารย์หงษ์ใช่มั๊ยเอามาลองไล่ดูซิ....

 เพื่อเฮียคนนั้นก็กลัว ๆ กล้า ๆ พอหลวงพ่อเปิ่นท่านย้ำอีกที จึงเอาปากกาออกมาตั้งจิตอธิฐานและเดินไปใกล้ ๆ คนที่โดนของ คนที่โดนของนั้นก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งทันที และทราบตอนหลังว่าได้หายเป็นปกติดี

       หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งวัดบางพระเป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านถามถึงบ่อย ๆ ยิ่งเมื่อตอนที่หลวงพ่อเปิ่นจะมรณะภาพ และเข้าโรงพยาบาล หลวงปู่ท่านก็ถามถึง และอีกองค์ก็คือหลวงพ่ออุตตมะ อุตตมะรัมโภ เป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านดูจะเป็นห่วงและถามถึงเสมอ ๆ 

      แม้แต่ตอนที่ หลงพ่ออุตตมะ มาเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฏ หลวงปู่ฯ ท่านก็ได้ตามมาเยี่ยมหลวงพ่อ ฯ ด้วยเช่นกันท่านเหล่านี้เป็นผู้วิเศษ ที่มีใจผูกพันกัน และมีคุณธรรมและคุณวิเศษเป็นที่ประจักษ์ทั้งสิ้น





...นะเมติ....

    พระคาถาบทนี้เป็นคาถา ประจำสำนัก ที่ไว้ให้ศิษย์ภาวนาเวลาจะสื่อกับครูบาอาจารย์ หลวงปู่ท่านเคยบอกว่า

.....เราภาวนา นะเมติ นี้หนาสะเทือนขึ้นไปถึงพรหมโลก.....

หมายถึง นะเมติ นี้ถ้าเราภาวนาจะสื่อไปถึงสุดแดน ครูบาอาจารย์ผู้สถิตย์อยู่บนชั้นพรหมโลก

      และความหมายของ นะเมติ นี้หลวงปู่ท่านบอกว่าหมายถึงรสน้ำนมแม่พระธรณีย์ คืออาหาร พืชพันธุ์ ข้าว น้ำต่าง ๆ ที่เลี้ยงดูทุกสรรพชีวิต อย่างไม่ลำเอียง ใครจะปลูก ใครจะหว่าน ใครจะเก็บเกี่ยว เอาไปกินไม่ว่า คนหรือสัตว์ ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน พระสงฆ์ เณร ชี หรือ  มหาโจร คนต่ำทราม แม่พระธรณีย์ก็ไม่เคยรังเกียจมีคุณให้การเลี้ยงดูเท่า ๆ กันหมด แล้วแต่ใครจะเก็บเกี่ยวใช้สอยได้มากเท่าใด

    นะเมติ รสน้ำนมแม่พระธรณีย์ นี้จึงเปรียบเหมือนคุณครูบาอาจารย์ ที่ไม่เคยรังเกียจเดียจฉันท์ ลูกศิษย์คนใด ที่เคารพนับถือ คอยอุดหนุนค้ำชูดูแลรักษา ดุจสายใยพันผูกแม่กับลูก

     และเคยได้ยินหลวงปู่ ท่าน กล่าวสอนในเรื่องของข้อห้ามในการดื่มเหล้าเสมอ คือดื่มเหล้าท่านและครูบาอาจารย์จะช่วย 3 ครั้ง แต่ถ้าช่วยพ้น 3 ครั้งแล้วยังดื่มอีกหลวงปู่ท่านและครูบาอาจารย์ จะปล่อยไปตามเวรตามกรรม แต่ที่ห้ามยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือ ห้ามเล่นชู้กับเมียชาวบ้าน ถ้าทำท่านและครูบาอาจารย์จะช่วยแค่ครั้งเดียว แล้วต่อมาเวลามีภัยท่านจะปล่อยไปตามกรรมเช่นกันครับ ขอให้โชคดี



     หลวงปู่ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่นานเท่าไหร่มานี้ มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งมาบูชาสีผึ้งที่สุสานตลับละ 50 ไป ต่อมาไม่นานเธอก็กลับมาเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ได้ประสพถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านฟัง เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเธอได้สีผึ้งไปเธอก็กระหยิ่มยิ้มย่องเอาไป ทาปาก ทาคิ้ว ไล้ผม ตามสูตร


    ไม่นานก็มีหนุ่มมาปิ๊ง แต่เป็นหนุ่มที่ไม่โสดเพราะมีศรีภรรยารออยู่ที่บ้านแล้ว เรื่องราวก็ดำเนินไปตามพล๊อตเรื่องจนไปจบในห้องนอน อยู่ไปอยู่ไปสามีของเธอผู้มากเสน่ห์ก็ทราบเรื่องเข้า จึงคาดคั้นเอาความจริงเธอก็ยังใจดีสู้เอาสีผึ้งของหลวงปู่ ฯ ท่านมาทาปาก ทาคิ้ว ไล้เส้นผม คงกะจะให้สามีของเธอใจอ่อนยอมเชื่อว่าเธอบริสุทธิ์ผุดผ่อง 

  ฝ่ายสามีเมื่อซักไปซักมาคงเกิดเอ็นดู อยากให้ภรรยาที่รักสบาย ด้วยการไปเกิดใหม่ จึงคว้าเอามีดมาฟัน ๆๆๆ แบบไม่ยั้ง แต่ก็ไม่ได้สร้างบาดแผลใด ๆให้เกิดขึ้นกับเธอได้ จนเธอหนีเอาตัวรอดมาได้ พอเวลาและเรื่องราวผ่านไป เรื่องจางหาย ความโกรธของสามีคลายแล้ว ก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขต่อไป เธอก็นำเรื่องมาเล่าถวายให้หลวงปู่ท่านฟัง พอหลวงปู่เล่าจบท่านก็กล่าวทิ้งท้ายว่า

....เป็นชู้กับผัวชาวบ้านทำไมมันฟันไม่เข้า มันน่าจะเข้านะ แปล๊กแปลก......

    และสีผึ้งของหลวงปู่ท่านไม่ใช่เป็นแต่เมตตาค้าขาย เวลาเจ็บไข้ไม่สบายอยู่ไกลหมอ ให้อารธณาเอาสีผึ้งละลายในน้ำอุ่น แล้วดื่นกินเข้าไปจะช่วยให้บรรเทาได้ จะเดินทางไปทางใดอาราธนามาทาปาก คิ้ว ไรผม แล้วอธิฐาน เป็นไปได้ทุกทาง หรือแม้แต่ใช้จุนเจิมของมงคลให้ระลึกถึงหลวงปู่ แล้วเอาสีผึ้งจุนเจิมแตะแต้มก็เกิดเป็นสิริมงคลได้

    ถ้าสีผึ้งจะหมดหรืออยากให้ได้เยอะๆ แม้เหลือสีผึ้งเท่าหัวไม้ขีดไฟ ถ้าใจเชื่อมั่นก็เอาผสมสีผึ้งธรรมดาและบอกกล่าวหลวงปู่ท่าน และครูบาอาจารย์ก็บรรดาลให้มีคุณเหมือนสีผึ้งที่หลวงปู่ท่านอธิฐานจิตได้

    การทาสีผึ้งแบบของหลวงปู่ท่านนั้น ให้เอานิ้วชี้แตะสีผึ้งแล้วเอาคลึงกับนิ้วโป้ง แตะที่มุมปากแล้วจีบเข้าหากันที่กลางปาก เวลาทาคิ้วก็แบบเดียวกัน แตะที่หางคิ้วแล้วจีบเข้าหากันที่หว่างคิ้ว ที่ไรผมก็ทำแบบเดียวกัน



     ฝากไว้อีกสักนิดว่า หลวงปู่ ฯ ท่านเคยบอกกับผมไว้ว่า "ต่อให้เราสร้างพระให้ขลังขนาดไหน ถ้าเขาถือ(ศีล)ไม่ได้ก็ไม่ขลัง" ท่านที่ครูบาอาจารย์คุ้มครอง หรืออวยพรให้ก็ขอให้ภูมิใจว่าท่านเองก็มีความดีในตัวเองอยู่บ้างไม่มากก็น้อย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น