หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยรู้จักหลวงปู่ในแง่ของพระขลัง
และขมังพระเวท นั่นเป็นเรื่องจริงครับแต่หลวงปู่ท่านเคยพูดในอีกแง่มุมนึงให้ผมฟังว่า
....หลวงปู่เสกพระไม่ให้เขาผิดศีลไม่ให้เขาทำบาป......(เสกให้เขาฆ่ากันไม่ตาย
เสกให้กำบังให้เขามองไม่เห็น เขาจะทำร้ายกัน ขโมยของกัน ก็มองไม่เห็น
ก็ทำผิดศีลไม่ได้)
.....ครูบาอาจารย์ถ้ารักลูกศิษย์แล้วต้องให้ลูกศิษย์ถือศีล .......
ถ้าให้แต่ของขลังไปแล้ว บอกแต่ว่าของนี้ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก
ลูกศิษย์ที่ดีก็มีที่ไม่ดีก็ต้องมีปะปนมา
และพวกนี้ที่เอาของขลังทั้งหลายไปก่อกรรมทำชั่ว
เกะกะระรานเกเรสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และสุดท้ายก็สร้างเวรก่อกรรมมากต่อมาก
กรรมเวรเหล่านั้นก็จะมาถึงครูบาอาจารย์ด้วยในที่สุด
เพราะไม่ได้สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีแต่แรก อย่างหลวงปู่ ฯ
ท่านๆจะบอกก่อนเลยว่าของ ๆ ท่านต้องถือศีล ถ้าถือศีลไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาไป
แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้รู้ได้เห็น
คนที่โดนอะไรหนัก ๆ (หนักจริง ๆ)ทั้งหลายก็เป็นคนที่ดื่มสุราเป็นอาจิณต์ครับ
บางคนถูกยิงไม่เข้าก็มาเรียนหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ถามว่าดื่มเหล้าหรือเปล่า
เขาตอบว่าดื่ม หลวงปู่ ฯ ท่านก็ตอบต่อไปว่า
.......นี่ถ้าไม่ดื่มเหล้าปืนยิงไม่ออกดอก .......
ก็เล่าเท่าที่ทราบให้พิจจารณากันนะครับเราได้ฟังก็มาคิดดูก็จริงของท่านแฮะ
ท่านมีความคิดข้ามหัวเราไปไม่รู้เท่าไหร่ ท่านมองทะลุถึงแก่นแท้จริง ๆ
ที่จริงยังมีพระหลวงปู่อีกมากที่คนไม่รู้จัก
บางรุ่นมีอภินิหารย์เหลือเชื่อ แต่ไม่มีใครรู้จักก็มีเยอะ อย่างรุ่น
วัดราชบูรณะสร้าง เด็กน้อยโดนรถเบนซ์(หนักมาก) ทับแต่ไม่เป็นอะไรเลย
พ่อแม่เด็กยังพาเด็กมากราบหลวงปู่ตอนท่านเข้าโรงพยาบาล สมิติเวช
ผมก็อยู่ในตอนนั้นด้วย
หรือตะกรุด 12
ดอกที่พระที่วัดจารแล้วเอามาขายหลวงปู่ หลวงปู่ท่านเสกแค่ 5
นาที 10 นาที
ลุงสุเมือยโดนปืนลูกซองยิงยังไม่โดนเลย(กระสุนออกแต่แตกเป็นลูกไฟก่อนถึงตัวหมด)
หรือพระ รุ่น "ใจรวมใจ"ที่ครอบครัวท่านพระป๋องสร้าง แจกไปกับซองผ้าป่าไม่กำหนดราคาค่างวดอะไร ถ้าใครกล้าขอก็กล้าให้ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน คนที่บูชาโดนแทงด้วยขวดปากฉลามไม่เข้าก็ปรากฏให้เห็นมาแล้ว หรือแม้แต่สายสินธุ์แค่เส้นเดียวก็ยังทำให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และคณะทึ่งในอานุภาพมาแล้ว
และยังมีอีกเยอะที่มีคนที่เจตนาบริสุทธิ์และสร้างถวายหลวงปู่ด้วยศัทธา
ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น ซึงของหลวงปู่นั้น
ถ้าเสกแล้วล้วนแล้วแต่ขลังแท้ และแน่นอนที่สุดทุกสิ่งทุกอันไป
แต่ถ้าชิ้นไหนอันใดไม่ได้ให้หลวงปู่ท่านเสก คนสร้างเสกเองล่ะก็ .............ครับ
เกี่ยวกับกุมารของหลวงปู่ฯท่านมาเล่า
เมื่อก่อนนี้ผมเคยปั้นกุมารจากดินอาถรรพ์ไว้หลายองค์
และได้ถวายให้หลวงปู่ท่านเสกให้ ก็ตามประสาคนใจง่ายเพื่อน ๆ เขารู้เข้าใครขอเราก็ให้ไป
จนเหลือองค์สุดท้าย ปั้นเองเอาแค่พอดูรู้ว่าเป็นตุ๊กตารูปคน ไม่ใช่อย่างอื่นก็ถือว่าใช้ได้ละ
องค์สุดท้ายนี่บูชาเลี้ยงดู มานานพอสมควรก็เงียบจนลืมไปเลย
แต่ก็เลี้ยงอยู่ไม่เคยขาด จนมาวันนึงได้ฝันไปว่าไปที่บ้านทรงไทยหลังหนึ่ง
แล้วไปเดินเล่นบริเวณบ้านพอเดินลัดเลาะลังจะเลี้ยวเข้าตรงหัวมุมอาคาร
ก็เห็นว่ามีเด็กอ้วนมาแอบมองอยู่ที่มุมตึก ทำท่าเหมือจะเล่นซ่อนหากับเรา
เราเองเราก็ชอบ(แกล้ง >"<)เด็กอยู่แล้ว พอเห็นเขามาแอบอยู่
ก็เลยวิ่งไล่ตามหลังไป ก็สังเกตุเห็นอย่างนึงว่า
ที่กลางหลังบริเวณก้นกบของเด็กนั่นมีปานดำดวงใหญ่เท่ากำปั้นติดอยู่
ยันต์กันอาวุธ |
พอผมวิ่งตามทันก็กอดปล้ำเล่นเจ้าเด็กอ้วนนั่น
กอด ปล้ำ เล่นจนเราตื่น ก็มานึกว่านี่ เราฝันบ้าอะไร ก็มานั่งลำดับดูก็จำได้หมด
ก็ไม่คิดอะไรจนวันต่อมาไม่นานนักหลังจากฝันได้ทำความสะอาดหิ้งพระ ก็เอากุมารลงมาดู
ดูไป ดูมา พอพลิกด้านหลังดูก็เห็นตราประทับเป็นรูปยันต์กันอาวุธ
เราก็มานึกถึงที่เราฝัน ก็แปลกใจว่าเออ ตราประทับที่เราประทับไว้บนกุมารนั้น
เป็นตำแหน่งเดียวกับปานบนหลังเจ้าเด็กอ้วนในฝันเราเลยแฮะ
ที่มา..https://www.facebook.com/groups/520063878070333/ |
หลวงปู่ ฯ ท่านเคยพูดเสมอ ๆ
ว่าเดี๋ยวนี้คนฆ่ากันตายน้อย(เมื่อ 5-6ปีที่แล้ว) รถชนกันตายเยอะกว่า
ผมเห็นด้วยเพราะผมเองก็เจอเรื่องรถกับหลวงปู่ฯท่าน มาหลายหน
เมื่อก่อนผมมีธุระต้องไปทำงานแถวม.รามคำแหงเสมอ
แถวหน้ารามนั้นจะมีท่ารถเมล์ อยู่และก็จะมีเส้นถนนขีดเป็นเส้นแนวยาวกั้นไว้
คืนนั้นฝนตกพรำ ๆ ผมก็ขับรถไปตามปกติ พอมาถึงหน้าราม
รถเมล์คันที่ขับอยู่ข้างหน้าผม ก็หยุดเพื่อจะเข้าจอดป้าย
ผมซึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์ตามหลังมาก็เบรครถชลอ ก็พอดีว่าไปขับทับเส้นที่ขีดยาวกั้นสำหรับป้ายรถเมล์ไว้พอดี
รถก็ส่ายเพราะลื่นมาก
(เรื่องเส้นขีดกั้นถนนลื่นเวลาเจอน้ำนี่ผมเจอหลายครั้งแล้วลื่นมากต้องระวังครับ)
เบรคแล้วรถไม่ยอมหยุดไถลไปกำลังจะชนท้ายรถเมล์ในใจก็นึกถึงหลวงปู่ฯท่าน ทันใดนั้นเองก็มีความรู้สึกเหมือนมีมือขนาดใหญ่มาจับท้ายรถให้ค่อย
ๆ หยุดส่ายและค่อย ๆ หยุดลง ห่างจากรถเมล์ไปไม่กี่มากน้อย ......นึกว่าจะไม่รอด
อีกครั้งเมื่อตอนขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านตอนกลางคืนคืนนั้นง่วงมาก
ๆ จำได้ว่ากำลังข้ามสะพานกรุงเทพ พอใกล้จะถึงตีนสะพานก็วูบไป(หลับใน) มารู้สึกตัวอีกทีก็จะถึงตีนสะพานอีกฝั่งนึง แล้วพอได้สติก็เอามือตบอกที่ห้อยพระอยู่ทันที
นี่ครูบาอาจารย์คงคุ้มครองอีกครั้ง ...ขับข้ามสะพานมาได้ทั้งที่หลับใน....แปลก ม๊าก มาก
หรืออย่างลูกศิษย์หลวงปู่ท่านนึง(ไม่สนิทกันขอไม่เอ่ยชื่อครับ)ขับรถไปทำธุระที่สระแก้ว
พอขับไปใกล้จะถึงแล้ว ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่ใต้ท้องรถก็จอดรถเพื่อจะดู แกเล่าว่า
พอจอดรถ รถก็ยุบลงไปข้างนึง พอออกไปดูก็ปรากฏว่ายางแตกไป 1 เส้น
แต่ยางเกือบจะไม่เหลือแล้ว เหลือแต่ตัวล้อเหล็กเท่านั้น แกว่าแกได้เกษาหลวงปู่ ฯ
ท่านมาหน่อยนึงแกจึงเอามาใส่กรอบเลี่ยมไว้หน้ารถ กับสติ๊กเกอร์รูปท่านเท่านั้นครับ
ครั้งนึงหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า มีลูกศิษย์ท่านคนนึงเป็นคนขับรถรับจ้าง มีพระหลวงปู่ท่านติดตัวอยู่ วันนึงขับรถไปติดไฟแดงอยู่ ขณะที่กำลังรอไฟแดงนั้น
ได้ยินเสียงดังตูม แล้วก็เห็นรถพุ่งมาจากทางข้างหลังแก
แล้วเลี้ยวไปชนรถคันข้างหน้า พอทุกอย่างสงบก็ลงไปดูว่า เกิดอะไรขึ้น ก็ได้ความว่ารถคันหลังแกก็คือคันที่พุ่งผ่านรถแกไปชนรถคันหน้า
ได้ถูกรถคันหลังถัดไปเสียหลักพุ่งมาชนตามหลักน่าจะชนรถแก แต่กลายเป็นว่ารถมันอ้อม
ไปชนรถคันหน้า แปลกจริง ๆ ...พอเล่าจบหลวงปู่ก็บอกว่า ...รถมันอ้อมไปชนคันหน้าได้ แปลก ม๊าก มาก
ลูกศิษย์หลายท่านที่เคยนิมนต์หลวงปู่ ฯ
ท่านไปจำวัดที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล
ท่านก็เมตตาไปให้มีอยู่ครอบครัวหนึ่งก็ได้นิมนต์หลวงปู่ ฯ
ท่านไปจำวัดที่บ้านเช่นเดียวกับครอบครัวอื่น ๆ
โดยจัดห้องที่พักและจัดเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับหลวงปู่ ฯ ท่านเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะ
รวมถึงพวก จาน ชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ ฯลฯ
เพื่อที่เมื่อหลวงปู่ ฯ ท่านกลับไปแล้วจะได้เอาไว้บูชาเป็นที่ระลึก
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่ก็มีเรื่องไม่ปกติธรรมดาเกิดขึ้นจนได้
จนต้องเอาของที่เป็นต้นเหตุของเรื่องไม่ธรรมดา มาถวายให้หลวงปู่ท่านดู
ของนั้นก็คือ แก้วน้ำ
ใบหนึ่งและเป็นแก้วน้ำที่ตรงก้นแก้วมีรอยร้าวพาดผ่านจากด้านนึงไปอีกด้านนึง
ก็ได้รับทราบความว่า
เมื่อก่อนหน้านี้ได้นิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านไปจำวัดที่บ้าน ก็ได้จัดข้าวของเครื่องใช้ถวายท่านตามปกติ
และก้ได้เก็บของเหล่านั้นไว้บูชาต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะด้วยเหตุใดมิทราบได้
มีคนเอาแก้วน้ำที่ท่านเจ้าบ้านได้ถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านใช้ไปใช้ต่อ
พอยกแก้วขึ้นดื่มน้ำก็ปรากฏว่าก้นแก้วร้าวดัง เพี๊ยะ ทันทีจึงเอามาพูดกัน ในสมาชิกครอบครัว
ท่านเจ้าบ้านพอเห็นแก้วแล้วก็จำได้ว่า
เป็นแก้วใบที่เคยถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านใช้ จึงเกิดความอัศจรรย์ใจ พอมีวันว่างก็รีบเอาแก้วน้ำมาถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านดู หลวงปู่ ฯ ท่านก็ยิ้ม ๆ
ไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้ม ๆ เท่านั้น เป็นคำอธิบายของหลวงปู่ฯท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น