คลังบทความของบล็อก

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ พระอาจารย์ผู้อยู่เหนือเศียรเกล้า 6

   



     เล่าเรื่องว่าเคยสร้างพระเครื่องไปแล้วก็ติดลม เลยจะเล่าเรื่องมวลสารและ ขั้นตอนการทำประกอบไปด้วยจะได้ครบเครื่อง  เมื่อแรกเริ่มสร้างพระชุดแรกของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ นั้น มีมวลสารหลักคือ กระเบื้องโมเสส และทองคำเปลว จากพระบาทขององค์ หลวงพ่อพระศรีอาริยเมตไตร วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม ไปกราบไหว้หลวงพ่อโต วัดอินทร์ 

    แล้วไปเจอเอาจังหวะที่ช่างเขากำลังบูรณะกระเบื้องที่ปิดองค์หลวงพ่อโตพอดี ช่างเขาว่าจะเอาไปทิ้งก็เลยขอเขามาพร้อมบอกกล่าวองค์หลวงพ่อโตอย่างเรียบร้อย  ได้มาจำนวนไม่น้อยกระเบื้องร่วม 10 กิโล ทองเปลวที่ติดกันเป็นปึกอีกร่วมกิโล มาพิจารณาดูก็เข้าเค้าอยู่เหมือนกัน ว่ามวลสารกระเบื้องและทองเปลวนี้ดั่งมีเลือดเนื้อ(กระเบื้องโมเสส) และสมบัติ(ทองคำเปลวของพระศรีอาริยเมตไตรผสมอยู่


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เศษพลอย
    พลอย 5 สีได้จากเพื่อนที่เป็นพ่อค้าพลอย  หินแม่พระธรณีปัฐวีธาตุ จากแม่น้ำปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมืองแม่เมืองเดียวในประเทศไทย มวลสารที่มีอยู่แค่ 2-3 อย่างนี้ (แต่หนักนับ10 ก.ก.) ก็ได้หอบหิ้วลงไป จ.สงขลา ปัตตานี เพราะมีใจศัทธาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

    


     เมื่อไปถึงสงขลาก็ได้เอามวลสารที่ได้มานั้นถวายให้ หลวงพ่อพล วัดนาประดู่ เสกเป็นองค์แรก และนำไปอธิฐานที่สถุปหลวงปู่ทวดฯที่วัดช้างไห้ และต่อมาได้ถวาย หลวงพ่อสุข วัดมุจจลินวาปี ปัตตานี เสกเป็นองค์ที่สอง และนอนค้างที่วัดนี้ 1 คืน วันต่อมาก็ไปหาดใหญ่ ไปถวายให้ หลวงปู่ทอง วัดป่ากอ เสกทานเมตตาเสกให้ 1 คืนเต็ม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พล วัดนาประดู่

   ในเย็นวันต่อมาก็ไปสทิ้งพระไปสำนักสงค์ต้นเลียบ วันนั้นฝนตกพรำ ๆ ตอนแรกกะว่าจะไปขอด้วงเลียบมาสักหน่อย ก็เลยพอไปถึงก็ไปหาคนดูแลเขาก็ให้ด้วงเลียบ มา 9 องค์(ขอเรียกเป็นองค์) องค์ขนาดเม็ดถั่วเเหลือง เราก็ไม่ว่าไร ก็เดินไปไหว้รอบ ๆ ต้นเลียบ เห็นกิ่งเลียบที่เปียกน้ำฝนหักลงมาเราก็คิดว่า ไม่ได้ด้วงเลียบเอากิ่งเลียบก็ได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้นเลียบ สทิงพระ

    ก็เก็บ ๆ มาได้ 1 กระสอบ และยังเจอเศษไม้อยู่ชิ้นหนึ่ง* ขนาดเท่านิ้วก้อยหงิกงอ ก็เก็บมางั้น ก็ไปนั่งพักคุยกับกรรมการวัดสักพัก เขาก็ว่าเออเก็บไปได้เยอะนิ ดีที่ฝนตกกิ่งเลยหักลงมาเยอะ นี่ฝนแรกของปีเลยนะ คุยกันสักพัก ก่อนกลับก็ควักเศษไม้ที่เก็บได้มาให้คนดูแลดู แกก็รับไปดู แกก็ โห.......... นี่ด้วงเลียบตัวใหญ่จริง ๆ ไม่เคยเห็นใหญ่ขนาดนี้ นี่หลวงปู่ท่านให้แล้วนะเก็บไว้ให้ดี 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เลียบ สทิงพระ
ด้วงเลียบ-ตาไม้เลียบ

   พอเสร็จเรื่องก็รีบกลับไปวัดป่ากอ ไปถึงจัดข้าวของเสร็จไม่อาบน้ำละ ห้องน้ำวัดอยู่นู่น..... ก็เลยหลับไปเลย พอตอนเช้ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอลืมตาก็รู้ว่าเรานอนตะแคงอยู่ ตาก็มองไปที่พื้นห้องเห็น กระดาษห่อด้วงเลียบที่คนดูแลต้นเลียบให้มาตกอยู่บนพื้น ก็ตกใจรีบลุกขึ้นค้นหาทันที ก็ถามคนที่เดินทางไปด้วยกันว่าตอนตื่น เห็นตาไม้ลักษณะอย่างนี้ ๆ มั๊ย

     เขาก็บอกไม่เห็นเราก็เสียดายซะ เพราะตอนนั้นคิดว่ามีแค่ 10 องค์ จะเก็บไว้บูชาส่วนกิ่งเลียบจะไว้จ้างร้านยาบด บดเพื่อเอาไว้ทำพระ ก็นั่งทำใจอยู่พักนึง ก็เก็บที่นอน พอยกหมอนขึ้น ก็เห็นด้วงเลียบ 9 องค์ ที่เขาให้มา และ ปู่ด้วง มารวมกันอยู่ใต้หมอนเรา ครบทุกองค์ไม่ขาดหายไปสักองค์เดียว (นี่เป็นเหตุผลที่เราเรียกด้วงเลียบเป็นองค์)

   เราก็เลยเรียกคนที่ไปด้วยกันและพระหลวงตาที่เป็นเจ้าของห้องให้มาดู ก็ตืนเต้นกันใหญ่ หลวงตาท่านก็ใจดี พอรู้ว่าเราจะกลับยังมาส่งที่หาดใหญ่และเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวอีก คนละชาม

     พอกลับมาถึงกรุงเทพ เอากิ่งเลียบไปตากแดด พอแห้งก็ว่าจะส่งไปร้านยาบด ก็เอามาเรียง ๆ ดู ก็พบว่า ตามกิ่งเลียบมี ตาไม้เลียบ หรือที่เรียกว่าด้วงเลียบอยู่เต็มไปหมด เราก็รีบแกะ ๆ เก็บ ๆ ได้ 100 กว่าองค์ สุดยอด แต่ตอนหลังก็เอาไปบดทำพระหมดละ คัดที่ใหญ่เท่าเม็ดถั่วเหลืองไว้ 8 องค์ และปู่ด้วงไว้ตรงกลาง เป็น องค์ พอดี ก็บูชากราบไหว้มาจนทุกวันนี้

   ตอนหลังมารู้จักคนมาเข้า ๆ เขารู้ว่าจะสร้างพระถวายหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เขาก็ช่วยสละผงที่เก็บรักษามาร่วมทำบุญ ก็คัดแล้วเลือกแล้ว พิจจารณาความน่าเชื่อถือคนให้แล้วถึงเอามาผสม และอธิฐานว่าครูบาอาจารย์อยากให้เอาอะไรผสม ก็ให้ดลใจให้ไปเอา ก็ได้จริงๆและมีที่มาที่ไปแน่นอนทั้งสิ้น  


   อย่างบัวรอบฐานชุกชี รักทองที่ลอกออกจากองค์หลวงพ่อพระพุทธนิมิตฯ วัดหน้าพระเมรุ จ.อยุธยา  โดยเฉพาะส่วนพระพักตรได้มาขนาด 1 ฝ่ามือกาง ปูนดินใต้ฐานชุกชี  ผมภูมิใจเป็นนักหนาที่ได้เอามาสร้างพระถวายหลวงปู่ เพราะหลวงพ่อพระพุทธนิมิตฯ วัดหน้าพระเมรุ เป็นพระพุทธรูปที่ผมเครพบูชามาตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปกราบไหว้เพราะอยู่คนละภาค คนละจังหวัด ก็ได้แต่ตัดรูปท่านจากหนังสือไว้บูชา และบูชามาจนถึงทุกวันนี้เป็น 10 กว่าปีแล้ว

    และดินใต้ฐานนั้นคืออุปมาได้กับพระแม่ธรณีย์ ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของหลวงปู่ ฯ ท่านด้วย ในส่วนของดินใต้ฐานชุกชีองค์หลวงพ่อพระพุทธนิมิตวิชิตมารนั้น ทางพระที่ดูแลวิหารเมื่อท่านทราบว่าจะสร้างพระ ท่านก็มอบมา 2 กระสอบปุ๋ย ท่านว่าเก็บไว้ 4 กระสอบ โดยที่ 2 กระสอบอยู่ที่ผม 1กระสอบอยู่ที่ คุณวีระพงษ์ เเซ่เตี้ย อีก 1 กระสอบอยู่ที่ คุณเนาว์ นรญาณ ยังได้บัวรอบฐานชุกชีหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง ที่แตกหักร่วงหล่นมาเป็นมวลสารเพิ่มเติม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ว่านพะตะบะผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ว่านดอกทองผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ว่านจูงนาง

   ว่าน 32 ชนิด ทำไมต้อง 32 ชนิด ทำไมไม่ 108 ชนิด ผมคิดว่าเอาว่านที่มีอานุภาพจริง ๆ แค่ 32 อย่างก็พอเน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ ว่านนี้ก็ได้จากพี่ชาติเจ้าของร้านว่านที่จุตจักร์(รองแชมป์แฟนพันธุ์แท้เรื่องว่าน) ให้มา 1 กระสอบ พี่ชาติถามอยู่ว่าจะเอา 108 ชนิดมั๊ยจะจัดให้ แต่ผมว่าเอาแค่ 32 ชนิดก็พอ ว่านนี้ถึงเวลาต้องกู้ขึ้นมา เฉพาะหัวว่านดอกทอง แท้ ๆ ให้มาประมาณ 1 ขัน (ดอกว่านพี่แกก็มีขายครับเมื่อปี 2545 ดอกละ 300 บาท ) เกราะเพชรไพฑูรณ์ (คงกระพัน)ที่พี่ชาติบอกว่าหายากนักหนา ก็ให้มาอีก1ขัน พระตะบะ ถอนโมกขศักดิ์ (กันคุณไสย) จูงนาง ดินสอฤาษี เพชรน้อย เพชรใหญ่ ฯลฯ นี่คือความศัทธาที่คนเขามีให้หลวงปู่ฯ ท่านครับ

    
    
    ชานหมาก บายศรี กรวยดอกไม้ ประมาณปี 2544 ผมได้ไปกราบหลวงปู่ท่าน และแวะนอนค้างที่สุสานหลายครั้ง ครั้งนึงก่อนกลับผมได้เข้าไปกราบลา หลวงปู่ท่านๆก็บอกว่า ให้ไปเอาชานหมาก-กรวยดอกไม้เอาไปบดไว้ทำพระ ซึ่งในสมัยที่หลวงปู่ท่านยังฉันหมากอยู่ ชานหมากของท่านจะไม่ทิ้งจะเอาไปตาก ให้แห้งบนแผ่นสังกะสีหลังกุฏิ กรวยดอกไม้ก็เช่นกันเมื่อมีผู้นำมากราบไหว้ท่าน ท่านก็จะเอาขึ้นไปไว้บนหิ้งครู




    ที่อยู่เหนือหัวนอนท่าน แล้วจึงเอาไปตากแห้งเช่นเดียวกับชานหมาก ผมเองก็น้อมรับคำสั่งอย่างเต็มที่ หลวงปู่ท่านสั่งให้เอาไป ผมเลยเอามาอย่างละกระสอบปุ๋ย เมื่อมาถึงกรุงเทพจึงเอาไปจ้างร้านขายยาแผนโบราณบด เพื่อเอาไว้เป็นมวลสารต่อไป

   
    บายศรีนั้นหลวงปู่ท่านเคยบอกว่า ต้นกล้วย มะพร้าว ที่ใช้ทำบายศรีให้เอาไปปลูกที่บ้านเป็นสิริมงคล ทรายที่รองบายศรีก็เอาไปโรยรอบๆบ้านกันโจร กันสัตว์มีพิษ อย่าเอาไปทิ้งเปล่า แม้แต่กรวยดอกไม้ ก็เอาไปบูชากับบ้านกันโจรกันขโมยได้้ ผมเลยเฝ้าเก็บบายศรีและทรายหลังเสร็จพิธีพุทธาภิเษก มาได้พอสมควรและได้นำมาผสมเป็นมวลสารที่ไว้สร้างพระทุกๆรุ่นต่อมา



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แร่เหล็ก
    
     มีวันนึงในระหว่างที่ไปพักที่สุสานทุ่งมน หลวงปู่ฯท่านบอกว่า 
...เดี๋ยวไปเอาเหล็กโคกยายเหลืองมาไว้ทำพระ....

   ก็ยังไม่ทราบ ว่ามันคืออะไร อยู่ที่ไหน ก็มาคุยกับโป๋ย หลานหลวงปู่ฯ โป๋ยก็บอกว่า โอ้ย...พี่ที่นั่นมันแรง คนจูงควายเดินผ่าน พอควายผ่านโคกมันหยุดเดิน เจ้าของมันตีควายด่าควาย ปากก็เบี้ยว แขนขาก็บิดหมด เดี๋ยวนั้นเลยพี่ คนไปทำนามาใกล้ๆโคก ด่าลูกก็ปากเบี้ยว ต้องเอาดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาถึงหาย

    เขากลัวกันทั้งนั้น ผมก็เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ฯท่านสั่งให้เราไปเอาเหล็กโคกยายเหลืองมาทำพระ โป๋ยแกก็ว่าหลวงปู่ท่านจะลองพี่แล้วว่าพี่เจตนาบริสุทธิ์จริงหรืเปล่า ผมก็ อืม......หลวงปู่สั่ง อย่าว่าแค่นี้เลยต่อให้ยิ่งกว่านี้ก็จะไปเอามาถวายให้

    โป๋ยแกก็ว่างั้นผมไปด้วย ก็เลยชวนพวกลูกศิษ์หลวงปู่ฯรุ่น เล็กที่นอนเฝ้าท่านด้วยกัน ไปด้วยกันอีก 2 คน พากันไปเก็บพอไปถึงโคกบอกกล่าวแล้วก็เก็บ ๆๆๆๆ มีอยู่ชิ้นหนึ่งเป็นแผ่นเหล็กมันวาวใหญ่ขนาด 2 ฝ่ามือสวยงามมาก โป๊ยแกเก็บได้ก็เอาใส่ย่าม ช่วยกันเก็บมาได้สัก 5 กระป๋องสังฆทาน ก็กลับ มาถึงสุสานก็เอามาเท ๆ ออกกองรวมกัน

   โป๋ยแกก็ว่า เอ.... ชิ้นสวย ๆ ที่ผมเก็บได้ไปไหนล่ะ หากันไงก็ไม่เจอ ไม่มีใครเอาไปทางไหนแน่เพราะแกถือใสย่ามแกมาคนเดียว ตอนเทก็เห็นกันอยู่ สรุปว่าหาไม่เจอ..หาย พอชาวบ้านเขามาเห็นเขาก็ว่าเหล็กอย่างนี้ที่ป่านู้นก็มี โป๊ยก็บอกว่า นี่เหล็กโคกยายเหลือง ลุงคนนั้นก็ร้อง โอ้...แล้วยกมือไหว้ทันที ชาวบ้านเขาฮือฮากันใหญ่

    ก็เอาไปถวายให้หลวงปู่ฯ เสกตามระเบียบ วันรุ่งขึ้นผมก็ไปที่โคกอีก เพราะเมื่อวานของหลวงปู่ท่าน แต่วันนี้เราจะไปเอาของเราเอง  ไปถึงก็บอกเจ้าที่ว่าขอแค่ชิ้นเดียวขอสวย ๆ ก็ไปเก็บ วันนี้เจอชิ้นที่สวย ๆ เหมือนคนมาแกะเกลาไว้สวย ๆ ตั้งหลายชิ้นก็เกิดโลภ จะเอาหมด (สัก6-7 ชิ้น) พอจะก้าวออกจากโคก หูมันเกิดดับไม่ได้ยินเสียงอะไรขึ้นมา เราก็ นะ...ตูโดนละ

   ด้วยว่าหูดับกระทันหันก็ได้ยินเพียงเสียงแว่ว ๆ ว่าฝูงวัวแถวนั้นมันตื่น มันพากันร้อง ผมก็ตัดใจว่าเราคงเอาเหล็กชุดนี้ออกไปหมดในวันนี้ไม่ได้แน่ เพราะขอแค่ชิ้นเดียว ก็เลยเอาไปซ่อนไว้ที่โพรงต้นไม้ตรงกลางโคก บอกฝากเจ้าที่พรุ่งนี้จะมาเอา แต่วันนี้เอาไปแค่อันเดียวก่อน หูก็ได้ยินเสียงชัดเจนดังเดินทันที ผมก็เอาเหล็กชิ้นนั้นมาให้หลวงปู่ฯ ท่านดู ท่านเห็น ท่านก็ว่า อันนี้ขลัง ม๊าก มาก

   เราก็เลยถวายท่านไป ไม่เสียดายเพราะยังมีที่ซ่อนไว้อีกหลายก้อน พรุ่งนี้ค่อยไปเอา วันรุ่งขึ้นก็ไปอีกรีบตรงไปที่โพรงไม้ไปค้นดู หาไม่เจอหายหมดเลย ก็เลยอดหมด ไม่มีใครเข้าไปเอาแน่นอน เพราะโคกนั้นเป็นที่เคารพเกรงกลัวของชาวบ้านมานับร้อย นับพันปี คนสร้างพระคณะอื่นมาเอาเหล็กยังมากันเป็นสิบ ชาวบ้านแถวนั้นไม่ต้องพูดถึง และคิดให้ดีๆ ถึงมาจริงจะรู้หรือว่าเราซ่อนเหล็ก 6 ก้อนไว้ในโพรงไม้กลางโคก อย่างนี้ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมากอย่างหนึ่ง


   
    ประคำหลวงพ่ออุตตมะ อุตตมะรัมโภ วัดวังก์วิเวการาม เป็นสายประคำที่หลวงพ่ออุตตมะ ท่านเมตตานับให้เองกับมือท่านจำนวน 56 เส้น ผมได้นำไปจ้างร้านยาสมุนไพรบด เพื่อนำมาทำเป็นมวลสาร ประคำ 1 เส้นมี 108+3 เม็ด 108 คือกำลังคุณพระรัตนไตร อย่างที่ทราบกันดีว่าประคำของหลวงพ่ออุตตมะ นอกจากจะมีความหมายถึงคุณพระรัตนตรัยแล้ว ยังมีคุณทางแคล้วคลาด กันไฟ กันฟ้า กันสิ่งอัปมงคลได้ และองค์ท่านเองคุณธรรมก็เป็นที่ประจักษ์มาช้านาน นับว่าเป็นสิ่งอันเป็นมงคลยิ่งนัก

    ประคำนั้นจากหนังสือประวัติหลวงพ่ออุตตมะ กล่าวถึงประวัติความเป็นมาว่า ในปีพ.ศ.225 คณะสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย ประชุมตกลงกันจัดส่งพระอรหันต์เถระเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ ในการนี้ได้มอบหมายให้พระอรหันต์ 2 รูป คือ พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาและนำพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์มาประดิษฐานในดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งมีเมืองนครปฐมในปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลาง 


     พระอรหันต์เถระทั้งสองรูปเดินทาง ออกจากเมืองปาฏลีบุตรในอินเดีย ผ่านเมืองสะเทิม ประเทศมอญ ได้พบพระฤๅษี 3 ตนพำนักบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่บริเวณภูเขาสุทัศน์คีรีใกล้เมืองสะเทิม คือ พระฤๅษีคุปตะ พระฤๅษีจุลละ พระฤๅษีเทวิละ



    พระฤๅษีทั้งสามเมื่อได้เห็นพระจริยาวัตรและปฏิปทาอันงดงามของพระอรหันต์ทั้ง 2 รูป ก็บังเกิดศรัทธาความเลื่อมใสชักชวนกันไปกราบไหว้นมัสการ โดยซักถามว่า "ท่านเป็นศิษย์ของผู้ใด ใครคือพระศาสดาของท่าน" พระอรหันต์เถระตอบว่า "พระสมณโคดมศากยบุตรอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ของพวกเรา พระองค์คือพระศาสดาของพวกเราทั้งหลาย" พระฤๅษีจึงร้องขอให้เล่าเรื่องราวความเป็นมาของพระพุทธศาสนา พระอรหันต์เถระทั้งสองได้อธิบายให้ฟังโดยละเอียด พระฤๅษีทั้ง 3 ตนเมื่อได้ทราบว่าพระรัตนตรัยได้บังเกิดขึ้นในโลกนี้แล้วก็รู้สึกปีติยินดี แต่มีความเสียดายที่ไม่ได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เพราะทรงเข้าปรินิพพาน



    นานแล้วถึง 225 ปีจึงถามว่า พระรัตนตรัยมีคุณเท่าใด พระอรหันต์เถระทั้งสองอธิบายว่า คุณพระพุทธเจ้ามีจำนวน 56 ดังบทสวดพระพุทธคุณ (อิติปิโสภควา) คุณพระธรรมเจ้ามีจำนวน 38 ดังบทสวดพระธรรมคุณ (สวากขาโต) และคุณพระสังฆเจ้ามีจำนวน 14 ดังบทสวดพระสังฆคุณ (สุปฏิปันโน) เมื่อรวมกันแล้วคุณพระศรีรัตนตรัยมีจำนวนทั้งสิ้น 108 พระฤๅษีทั้งสามถามอีกว่า ในกัปของเรานี้จะยังมีพระพุทธองค์ใหม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ พระอรหันต์เถระทั้งสองอธิบายว่า ในขณะนี้เราอยู่ในภัทรกัป จะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น 5 พระองค์ พระสมณโคดมเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในภัทรกัป ในกัปนี้จึงยังเหลือพระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดขึ้นอีกหนึ่งพระองค์ คือ พระศรีอริยเมตไตรย


      พระอรหันต์เถระทั้งสองอำลาออกเดินทางมายังสุวรรณภูมิ ฝ่ายพระฤๅษีทั้งสามก็ได้ปรึกษาหารือกันว่า ควรจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อให้น้อมระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยอยู่เสมอ ที่สุดได้ตกลงกันสร้างลูกประคำขึ้นมาเพื่อใช้ในการสวดมนต์ภาวนา โดยกำหนดให้ลูกประคำมีจำนวน 108 เม็ด เท่ากับคุณพระศรีรัตนตรัยซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 108 และที่ยอดของสายประคำได้ใส่ลูกประคำไว้อีก 3 เม็ด เพื่อแทนพระศรีรัตนตรัยเจ้าทั้งสาม คือพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ศิลาน้ำ
     
    แม่พระธรณี ปัฐวีธาตุ ได้เก็บรวบรวมจากแม่น้ำปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมืองแม่เมืองเดียวในประเทศไทย ในส่วนนี้ได้แยกไปถวายหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย นครพนมท่านเสก ไม่ได้หวังจะให้เป็นปัฐวีธาตุแบบของหลวงปู่คำพันธ์ท่าน แต่ขอให้ท่านเสกธาตุให้ ท่านก็เมตตาเสกให้


    ออกจากหลวงปู่คำพันธ์ก็เข้าอุดร ไปกราบขอความกรุณาหลวงปู่ถิร วัดทิพยรัฐนิมิต ที่หลังคุกเมืองอุดรท่านเสกให้ ท่านก็เมตตาเสกให้ ก็ทราบมาว่าท่านไม่ค่อยยินดียินร้ายกับการเสกอะไร ๆนักพระทีวัดว่ามีก็เหรียญ รุ่นเดียว (7-8ปีก่อน)แต่เราก็ใจกล้าเข้าไปขอท่านว่าจะเอาไปสร้างพระแจกทหาร ตำรวจ

    
   ท่านก็มองหน้า แล้วก็บอกให้เราตามมาท่านก็ดินนำไปกุฏิท่านเข้าไปในห้อง พอท่านนั่งท่านก็ให้เราส่งปัฐวีธาตุมาท่านนิ่งสั่งพักแล้วบริกรรมมนต์อยู่ 5-6คำ (แค่5-6คำจริง)แล้วก็ยื่น ปากถุงปัฐวีธาตุให้เราเราก็จับแต่ท่านไม่ยอมปล่อยสักพักท่านถึงปล่อย เราไม่ทราบว่าเป็นอะไรแต่มันรู้สึกได้ว่า ท่านตั้งใจเสกจริง ๆ และรู้สึกเกิดความหวงแหนปัฐวีธาชุดนี้ขึ้นมาทันที

   ต่อมาถึงเอาไปให้หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญท่านเสก พร้อมกับพลอย 5 สี โดยที่แช่น้ำมนต์ไว้ในบาตรเอาไปวางที่หัวนอนท่าน นานเป็นเดือน ๆ หลานท่านเล่าว่า ท่านเมตตาตาคอยเอาน้ำมนต์มาเติมให้เต็มอยู่ตลอด พอท่านไปไหนไม่อยู่ท่านกลัวหายท่านก็สั่งให้เก็บเข้า ห้องนอน(เก็บของ)ท่าน ซึ่งท่านที่เคยไปกราบหลวงปู่ที่สุสาน คงทราบว่าหลวงปู่ท่านนอนตรงที่ท่านรับแขกนั่นแหละครับ ห้องนอนของท่านท่านไว้เก็บของ

    เรื่องปัฐวีธาตุ***นี้ที่เอามาผสมเพราะเห็นหลวงปู่พูดถึงบ่อยๆ ท่านเล่าว่าสมัยท่านธุดงค์ที่เขมรเขมรรบกัน ทหารหมู่นั้นมาขอของป้องกันตัวจาหลวงปู่ฯ ๆท่านก็เสกน้ำมนต์ให้ไปใส่ขวดเล็กห้อยคอบ้าง กิ่งไม้ ใบไม้ เอามาจารเป็นตะกรดบ้าง ก้อนกรวดเอามาเสกบ้าง ท่านยังกล่าวสำทับว่า ไม่เห็นมีลูกศิษย์คนไหนเป็นอะไร และท่านว่า

.....ถ้าเชื่อหลวงปู่นะ นี่...(เอานิ้วเคาะไปที่กระโถนหมาก)เอามาห้อยคอ(ท่านยกกระโถนขึ้นมาที่อกท่าน) ก็ยิงไม่ออก....

แล้วท่านเคยสั่งผมว่า

....ไปเก็บก้อนหินมาหลวงปู่จะเสกให้ กันได้ทุกอย่าง....

เราก็ว่า ครับ เขามีขายเป็นกระสอบเดี๋ยวผมไปซื้อมาเลยนะครับ

ท่านว่า ....อย่า อย่าไปซื้อเรา(หมายถึงผม) ไม่ค่อยมีเงิน ไปเก็บมาตามข้างทาง เอาที่สวย ๆ หลวงปู่จะเสกให้ กันได้ทุกอย่าง.....เราฟังแล้วมัน ตื้อขึ้นมาจุกออกเลย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เขาพ่อตาโชงโดง

   ดิน 7 นคร 9 บุรี ดินยอดจอมปลวกใหญ่ ดินยอดโป่ง ่ส่วนนี้โดยมากใช้ลูกอมรุ่นนี้เป็นมวลสาร เพราะลูกอมรุ่นนี้ผสมด้วย ดิน 7 นคร 9 บุรี ดินจอมปลวก ดินโป่ง ที่หลวงปู่ท่านเก็บมาตั้งแต่ยังธุดงค์ และ ได้มวลสารดิน ดิน 7 นคร 9 บุรีจาก อ.ยุทธนันต์ ประวงศ์ มาพอสมควร ผมก็แค่ไปเก็บเอาดินยอดจอมปลวกใหญ่ๆและดินโป่งมา แล้วเอาคุลีผสมเข้าด้วยกันเชื่อว่าใช้การได้ สำหรับมวลสารในส่วนนี้

    ยอดจอมปลวก ที่ได้มาได้ที่ระนองที่แปลกคือมี 2 ยอด ยอดนึงเป็นยอดจอมปลวก อีกยอดนึงเป็นรังชันโรง เลยเอามาทั้ง 2 ยอด ดินโป่งก็ไปเอาที่ระนอง ที่เขาพ่อตาโชงโดง ไปหาป่าไม้เขตก็บอกไม่มีใครพาขึ้นไปหรอก เขากลัวกันเราก็ว่าเขากลัวอะไร ป่าไม้ก็เลยแนะนำให้ไปหา ลุงมนตรี เสือแก้ว หมอยาแผนโบราณผู้ชำชองพื้นที่ป่า ลุงมนตรีก็เล่าให้ฟังว่า ที่ไม่มีใครกล้าเขามาโป่งพ่อตาโชงโดง เพราะใครเข้ามาใกล็จะต้องปวดท้องทุกคน พรานเอาหน้าไม้เอาปืนไปยิงสัตว์ เห็นสัตว์ล้มลงกับตา แต่พอเข้าไปใกล็กลับลุกขึ้นวิ่งหนีจับไม่ได้
   
    เอาแร้วไปดักก็ติดแร้ว แต่พอเข้าไปเอาก็หลุดทุกที พรานถิ่นนั้นเลยไม่มีใครอยากขึ้นมาที่ โป่งเขาพ่อตาโชงโดงกัน พอขึ้นไปถึงโป่งก็สังเกตุเห็นว่าเป็นผาเตี้ยๆ มี่เกิดจากรอยแทะของสัตว์ และมีน้ำซับขึ้นมานิดหน่อยพอดื่มกินได้ น้ำนั่น หวาน สะอาด และให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก 

    ครั้งหนึ่งในชีวิตผมเดินขึ้นเขาตั้งแต่ 8 โมง และลงมาถึงตีนเขาเกือบ 5 โมงเย็น เกือบจะขอนอนบนเขาแล้ว สุดๆจริงๆ  เมื่อได้ดินโป่งมาแล้ว ก็เอาไปเข้าพิธีเสกพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ของวัดๆหนึ่ง(จำไม่ได้) ซึ่งนิมนต์หลวงปู่ท่านไปประกอบพิธีอธิฐานจิตพระประธาน โดยทางวัดได้จัดบายศรีชุดใหญ่ 21 ต้น ในพิธีครั้งนี้ด้วย

   
     เกษา ผงว่าน ผงพุทธคุณ ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม จ.เชียงใหม่ มูลเหตุที่ได้มาเพราะเมื่อปี 2545 ได้เข้าไปที่ โรงงานทำพระผงที่หลังวัดบางเสาธง ผมเดินดูรอบโรงงาน เห็นขันเงินใบย่อมขนาดประมาณ 7 นิ้วใบนึง ข้างขันมีกระดาษแปะเขียนว่า ครูบาบุญปั๋น ผมก็เลยถามช่างทำพระว่า 

....วัดร้องขุ้มมาทำที่นี่ด้วยหรือ ....

   นายช่างก็ตอบอย่าภูมิใจว่า 

.....ครับ เขาเอามวลสารมาไว้ให้แต่ใส่ไม่หมด** พระก็ได้ครบตามจำนวนเสียก่อน ....

ผมเลยถามว่า

....แล้วมวลสารนี่จะทำยังไง....

นายช่างก็ตอบมาว่า

....คงเอาไว้อย่างนี้ อาจเอาไปถวายวัด หรือเอาไปจำเริญ......


ผมถามย้ำ

....เขาไม่เอาแล้วแน่นะ...

นายช่างยืนยันว่า

....ครับตอนเขามาเอาพระ ไม่เห็นถามถึงหรือว่าอะไร...

ผมก็เลยช่วยหาทางออกให้ว่า

....ถ้าอย่างนั้นผมขอก็แล้วกัน จะได้เอาไว้ทำพระต่อ.....

เรื่องก็มาจบตรงที่ ผงพุทธคุณ เกษา ครูบาบุญปั๋น มาอยู่ในการอุปฐากของผมด้วยประการฉะนี้    ก็ได้ผสมกับมวลสารต่างๆที่มี และ สร้างพระมาตั้งแต่ พระแก้วมรกต ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ผมสร้างถวายหลวงปู่ท่าน จนตลอดมาทุกรุ่น และที่แปลก มวลสารชุดนี้ ท่านพระป๋อง วัดยานนาวา ขอแบ่งไป จนผ่านไประยะนึง ท่านป๋องก็โทรมาหาผมเล่าเรื่องว่า

....ผงมวลสารพี่ใส่เกษาหรืออัฐิใครหรือเปล่าครับ...

ผมก็ตอบว่า

...ไม่นี่ ก็มีเเต่เกษาครูบาบุญปั๋นนั่นแหละ มีอะไรรึ?....

ท่านป๋องก็เล่าต่อว่า

.....ในมวลสารเกิดเป็นเม็ดใสๆ กลม เหมือนพระธาตุมาปนอยู่ด้วย ป๋องเลยร่อนดู ก็ได้เม็ดที่ว่ามาเก็บไว้ เอาไปถวายให้หลวงปู่ท่าน พิจจารณาดูท่านก็บอกว่า เป็นพระธาตุที่เสด็จมาอยู่กับมวลสาร.....

บางทีเรื่องอจิณไตยก็เกินปัญญาที่ปุถุชนอย่างเราจะคิดไปเองได้



    แป้งเสกหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข มีคุณลุงท่านนึงเมื่อทราบว่าจะสร้างพระเครื่องถวายหลวงปู่หงษ์ คุณลุงท่านนี้ก็มอบแป้งเสกของหลวงปู่บุดดามาร่วมบุญ 1 กระป๋อง ก็ได้จัดการตามความประสงค์ของคุณลุง สำเร็จลุล่วงอย่างดีแล้วนะครับ

 พระครูสุนทรศีลคุณ-หลวงพ่อชม วัดนางในฯผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สวัสดิ์ วัดศาลาปูนผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทิม วัดพระขาว
    
   เกษาที่ผสมในพระพุทธนิมิต เป็นเกศา หลวงปู่ชม วัดนางใน จ.อ่างทอง เกศา-อังษะ หลวงปู่เมตตา วัดโพธิ์เลื่อน จ.ปทุมธานี เกศา-อังษะหลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน จ.อยุทธยา อังษะหลวงปู่หรุ่ม วัดบางจักร อ่างทอง หลวงพ่อสิริ วัดตาล นนทบุรี หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว ผ้าคาดอกหลวงปู่ทิม วัดพระขาว


 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สิริ วัดตาลผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เพิ่ม วัดป้อมแก้ว
  
     เกษา-อังษะของท่านพระคุณเจ้าเหล่านี้ก่อนจะนำไปผสมทำพระเครื่องนั้นผมเอาไปถวายให่หลวงปู่ท่านพิจจารณาดูให้ องค์ไหนท่านบอกว่าดีผมถึงจะเอามาผสมในพระเครื่อง ซึ่งของทุกองค์ที่เอามาผสมนี้ เมื่อหลวงปู่ท่านพิจจารณาแล้ว ท่านเอา(เกษาบ้าง อังษะบ้าง)ไปจบที่หน้าผากท่านทุกองค์ครับ หลวงปู่ฯ ท่านว่า .....พระองค์นี้ดีม๊าก มาก

    พระคุณเจ้าทุกองค์ที่กล่าวถึงองค์ท่าน มีคุณธรรมสูงยิ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแก่สาธุชนมาช้านาน และมีบางองค์ที่มีอะไรที่พิเศษในบางเรื่อง กล่าวคือท่านหลวงปู่ชม วัดนางใน ผมได้ยินชื่อท่านมานานตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก และทราบมานานว่าดวงตาท่านเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสุกสว่างได้ เมื่อเวลาท่านปลุกเสกวัตถุมงคล อีกอย่างเป็นเรื่องแปลกคือ

    พระเครื่องของหลวงปู่ชม วัดนางใน หลายรุ่นมี...พระธาตุเสด็จ....ผมเคยถามพระที่วัดนางใน ท่านก็ตอบเลี่ยงๆว่า เขาว่ากันอย่างนั้น แต่เห็นพระสมเด็จ กับ รูปหล่อหลวงปู่ชม ส่วนมากจะมี....พระธาตุเสด็จ...เป็นเรื่องปกติ นับว่ามีวาสนาที่อาจจะเคยร่วมบุญกับท่านจึงได้เกษาท่านมา 1 กระป๋องคุ๊กกี้



     ท่านพระคุณเจ้าเหล่านี้ทุกท่าน มีความเมตตาอย่างที่สุด ไปขอท่าน ๆก็ให้ ซื้ออังษะไปเปลี่ยนก็ไม่เอา ถอดให้เดี๋ยวนั้นเลย แต่มีองค์หนึ่ง ท่านประทับใจผมมากที่สุด คือ หลวงปู่ พระครูเมตตาธรรมคุณ วัดโพธิ์เลื่อน ปทุมธานี

   
 ผมไปกราบท่านครั้งแรกไปขอแผ่นจาร ท่านก็บอกว่าจะเอากี่แผ่น ก็เรียนท่านว่า แล้วแต่หลวงปู่จะเมตตาครับ ท่านว่า งั้นเอามา 3แผ่น อีก 2-3 วันมาเอา พอต่อมาผมไปเอา ท่านก็จารยันต์แบบมอญ มาให้เต็มทั้ง 3 แผ่น และบอกว่า ถ้าวันหลังมีอะไรให้หลวงปู่ช่วยทำก็บอกนะ หลวงปู่จะช่วยเอาบุญ เราก็ค่อนข้างจะทึ่งท่านหน่อย ๆ แต่ก็ประทับใจมาก ๆ ท่านยังให้ตะกรุดโทนดอกเล็ก ๆ มาดอกนึง ท่านว่าท่านจารเองทุกดอก

   ตอนหลังมาไปกราบท่านอีก พอดีมีโยมมาพบท่านอยู่ก่อนแล้วเป็นผู้หญิง กับ ผู้ชาย 2-3คน คนผู้หญิงก็ถามท่านว่า 

....หลวงปู่คะตะกรุดของหลวงปู่เอาใส่กระเป๋าได้มั๊ยคะ ...

หลวงปู่ท่านว่า 

...ได้เอาใส่ได้ ...

โยมนั่นก็ว่า

....เนี่ยคะหนูเอาใส่พวงกุญแจแล้วใส่ในกระเป๋ากางเกง พอหนูเอากุญแจไปสตาร์ทรถยนต์ ยางรถมันระเบิดเลยค่ะ ...

หลวงปู่ท่านก็ว่า 

....เออ เอาใส่กระเป๋ากางเกงไม่ได้ มาเอาดอกใหม่ไป ......

ผมก็ทึ่งท่านอีกครั้งนึง

   มาอีกครั้งนึงผมพา คุณวีระพงษ์ แซ่เตี้ย และ คณะ ไปกราบท่านอีก เวลาประมาณ 5 โมงเย็น วัดท่านเป็นวัดที่ติดแม่น้ำ ยุงตัวเล็ก ๆ หลังสีขาว ๆ กัดเจ็บเหมือนมดคันไฟ มีเป็นโขยง ผมก็นั่งด้านหน้าสุด  หลวงปู่ท่านก็นั่งบนยกพื้นหน้ากุฏิท่าน พอนั่งกันไปได้สักพักเริ่มเข้าหัวค่ำกองทัพยุง ก็ยกกันมาโจมตีเราทุกคน จริง ๆอยากจะตบ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ก็เกรงใจหลวงปู่ท่าน เลย ฮึ่ม....สัพเพ สัตตา...ปาณาติปาตา...พอยุงมาเราก็....ฯ

    พอคุยกับท่านไปได้อีกสักพัก ก็เริ่มสังเกตุ เอ..ยุงไม่กัดท่านเลยนี่หว่า ก็ดูจนแน่ใจ เราอยู่ห่างท่านแค่2 คืบยุงกัดเป็นสิบ ๆ ตัว แต่ตรงที่ท่านนั่ง ไม่มียุงบินขึ้นไปเลยสักตัวเดียว ดูจนแน่ใจ ก็กระซิบบอกเพื่อน เพื่อนก็เลยดู ก็เห็นว่าจริง เราเลยเอ่ยปากขอเกษา กับอังษะท่าน หน้าซื่อ ท่านก็เมตตาเข้าห้องไปถอดมาให้ทันที และเอาเกษามาให้อีก 1 ขันอาบน้ำเต็ม ๆ และบอกว่า เออ...ช่วยกันเอาบุญ ไม่รู้จะบรรยายว่าอย่างไร แต่หลวงปู่พระครูเมตตาธรรมคุณ องค์นี้เรายังกราบไหว้ระลึกถึงท่านมาจนทุกวันนี้ และจะไม่ลืมเมตตาของท่านเลย


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เพชรหน้าทั่ง

     เพชรหน้าทั่ง หรือ ไพไรต์ เป็นแร่กายสิทธิ์ชนิดหนึ่งเป็นของมงคลที่หายาก สรรพคุณ108 มีถิ่นกำเนิดในภาคใต้บริเวณภูเขาล้อมลอบ โบราณเชื่อว่า มีเทพเทวาและคนธรรพ์รักษา ท่านพระป๋องเอามาร่วม 1 ก้อน เป็นเพชรหน้าทั่งที่ยังไม่ได้สกัด ยังฝังตัวอยู่ในก้อนหิน ท่านพระป๋องเอาให้หลวงปู่พิจจารณา ท่านบอกว่าเป็นของดีมีเทวดารักษา ก็ได้ใช้ครกเหล็กสากเหล็กของโรงงานตำป่นผสมลงในมวลสารเรียบร้อย


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แร่เหล็กน้ำพี้

    แร่เหล็กน้ำพี้ จากอุตรดิตถ์ ทางโรงงานทำพระ ไปซื้อมามาจากอุตรดิตถ์เพื่อรับงานพิเศษจากผู้ว่าจ้างรายนึง ผมเลยขอแบ่งซื้อเอามาผสมเป็นมวลสาร นำไปถวายให้หลวงปู่ท่าน และหลวงพ่ออุตตมะอธิฐานจิตก่อนนำมาสร้างพระ



หินข้าวเย็นฤาษี 
วัดพระพุทธบาทสี่รอย เมื่อประมาณปี 2539-2540 ผมได้ไปนอนค้างที่วัดพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 7 วัน วันนึงผมได้ไปอ่านเจอหนังสือประวัติของท่านครูบาธรรมธิ วัดสันป่าตึง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ในประวัติมีการกล่าวถึงพระพุทธบาทสี่รอย และส่วนหนึ่งมีการกล่าวถึง หินข้าวเย็นฤาษี โดยบอกรูปพรรณสัณฐานและระบุว่าอยู่ภายในอาณาเขต ใกล้รอยพระพุทธบาท

   ความที่ยังหนุ่มแน่นคึกคะนองเลย อยากจะไปลองดูให้เห็นกับตา ว่าหินข้าวเย็นฤาษีที่ว่าเป็นอย่างไร พอรุ่งขึ้นผมก็เริ่มออกทำการค้นหาทันที เดินไปตามทิศทางที่หนังสือบอก เดินหาอยู่หลายชั่วโมง ก็มาพบหินข้าวเย็นฤาษีจนได้ หินนี้มีลักษณะเหมือนบาตรคว่ำสูงประมาณ 3 เมตรผิวเรียบเเบบหินทั่วๆไป 

   แต่ที่แตกต่างก็คือ มีก้อนหินรูปทรง 6 เหลี่ยม มีสัณฐานกลม  ติดอยู่กับก้อนหินใหญ่มากมาย ตามตำนานในหนังสือประวัติครูบาธรรมธิ กล่าวว่าเป็นข้าวก้นบาตรของฤาษีที่มาจำพรรษา สักการะบูชาพระพุทธบาทฉันเหลือ แล้วอธิฐานเอาติดกับก้อนหินไว้ เวลาผ่านไปก็กลายเป็นหิน และหินลักษณะนี้ ในบริเวณใกล้เคียง เท่าที่ผมสังเกตุดู ก็ไม่ปรากฏหินที่มีลักษณะเหมือนกันอีกเลย ผมเลยอธิฐานขอเอามาไว้บูชาติดตัว ก็คุ้ยๆดูตามพื้นรอบก้อนหินใหญ่ ก็ได้มาพอสมควร


   
   
    และผมยังได้ขึ้นไปเอามาอีก 2 ครั้ง เพื่อเอามาทำมวลสารที่จะสร้างพระเครื่องถวายหลวงปู่ หินนี้แปลกเมื่อบดเป็นผงแล้วลื่นเหมือนแป้ง และหินก็มีน้ำหนักมาก ผิดหินขนาดเดียวกันทั่วไปครั้งสุดท้ายที่ผมขึ้นไปเอาก็ปี 2550 ได้ก้อนใหญ่ที่สุด เอามาถวายให้ท่านพระป๋องสร้างรูปหล่อเนื้อว่านรุ่นแรกของหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่สั่งให้สร้างด้วยตัวท่านเอง


  

   ข้าวสารหินครั้งนึงหลวงปู่ท่านเรียกเข้าไปหา แล้วบอกให้ไปเอากระป๋องสังฆทาน ที่อยู่ใต้โต๊ะหมู่บูชาข้างที่ท่านนั่งรับแขกมา พอผมไปเอาออกมาตามที่ท่านสั่ง ก็เห็นว่าในกระป๋องอยู่ 2 ใบ มีข้าวสารหินบรรจุอยู่ค่อนกระป๋อง หลวงปู่ท่านบอกว่า....ให้เอาไปไว้ทำพระ นี่หลวงปู่เสกมากว่า 2 ปีแล้ว... ดี.. ม๊าก.. มาก


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แร่บางไผ่

   แร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี ใช้สร้างพระปิดตาซึ่งสร้างมากว่า 150 ปีมาแล้ว ประสบการณ์พุทธคุณยอดเยี่ยม เป็นที่เสาะแสวงหากัน และยากที่จะมีไว้ครอบครอง ลุงกุ๊กกรุณาแบ่งปันมาร่วมบุญด้วย ด้วยความที่ลุงกุ๊กช่วยวัดนครอินทร์ สร้างพระแร่บางไผ่มาแต่ต้น และเคยไปร่วมเก็บแร่กับทางวัด ลุงกุ๊กเคยเล่าให้ฟังว่า แร่บางไผ่ เป็นของแปลก หลอมเหลวได้ในอุณหภูมิที่พอดี ถ้าร้อนไปจะระเบิดเหลือแต่ขึ้เถ้า และหนีได้เคลื่อนไหวได้ถ้าอยู่ในแหล่งที่แร่อาศัยอยู่ ลุงกุ๊กเคยงมได้แร่บางไผ่ก้อนนึง เมื่อเอามือควานลงไปก็ทราบว่า ก้อนใหญ่มากแต่พอเอาสองมือขุดดินก็ปรากฏว่าแร่ก้อนนั้นไหลหนีเข้าไปในดินที่ลึกลงไปได้ จนที่สุดหักมาได้แค่ส่วนนึงของก้อนใหญ่เท่านั้น ส่วนก้อนใหญ่นั้นหนีจมลงไปในดิน



ผงพุทธคุณของ วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี มวลสารหลักคือแร่บางไผ่อันโด่งดัง  และ ได้ผงพรายกุมารและพระขุนแผนพรายกุมารชำรุดจำนวนมากจากลูกเขยของ ลุงสาย แก้วสว่าง 


HOT... (จัดให้ ๒ ลูก.) @ลูกอมผงพรายกุมารผสมผงแร่บางไผ่. วัดนครอินทร์ จ.นนทบุรี พ.ศ.๒๕๕๙@

ผงพุทธคุณหลวงพ่อฑูรณ์ วัดโพธินิมิตร ตลาดพูล 



     ประกอบด้วยผงพุทธคุณทั้ง 5 ประการ (ปัถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเห พุทธคุณ มหาราช) ที่หลวงพ่อฑูรณ์ท่าน ลงและลบเอง มีอานุภาพครอบจักรวาล หาผู้ที่เรียนได้สำเร็จน้อยมาก (อีกองค์ที่สำเร็จ คือ หลวงปู่ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง)

      รวมถึงผงพุทธคุณของ สมเด็จพระพุฒาจารย์(นวม) พระอาจารย์ของท่าน ไปขอจากพระเถระที่ให้ความเคารพสนิทสนมกัน เช่น หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ (วัดทั้ง 3 อยู่คนละฟากคลอง)
และท่านยังได้รับมอบผงวิเศษในการสร้างพระ ของเกจิรุ่นเก่า เช่น 
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า 
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
ผงของสมเด็จฯนวม

++..พระขุนแผนหลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร ตลาดพลู ปี๒๔๙๕ พระเก็บเก่าขลังมากๆครับ..++


   เนื้อพระกรุที่แตกหัก อาทิเช่นพระผงสุพรรณ พระขุนแผน วัดพระรูป วัดบ้านกร่าง (ท่านเป็นคนสุพรรณ) 
ผงตะไบพระเนื้อชินแตกหักกรุต่างๆโดยเฉพาะกรุวัดราชบูรณะ 
ผงพระสมเด็จวัดระฆัง 
พระกรุวัดสามปลื้ม ที่แตกหัก, 
ผงตะไบพระกริ่งของเจ้าคุณศรี (สนธิ์),
ผงตะไบ ชนวนพระ 25 พุทธศตวรรษ,
กระดาษสาลงยันต์ 108 ตาม ตำรับการสร้างพระกริ่งวัดสุทัศน์, 
ดินจากสังเวชณียสถานและ 
อื่นๆตลอดจนว่านยา 108


     ซึ่งผงพุทธคุณในส่วนนี้ได้เก็บรักษาไว้ในกุฏิของหลวงพ่อฑูรณ์ มาตั้งแต่สมัยท่านยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ ตามที่ลุงกุ๊กย้ำนักหนาก็คือผงพุทธคุณวัดโพธินิมิตรนี้มีคุณมาก เพราะผสมผสานผงพุทธคุณคุลีเพิ่มเติมกันมาโดยตลอด ในสมัยที่หลวงพ่อฑูรณ์ท่านยังอยู่ หลวงพ่อฑูรณ์และสหธรรมมิกของท่าน(หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน ฯลฯ)ก็แวะเวียนมาอธิฐานจิตวัตถุมงคล ก็โยงสายสิทธุ์มาปลุกเสกผงพุทธคุณนี้ด้้วยมาโดยตลอด ลุงกุ๊กมีความสนิทสนมกับทางวัดมานาน จึงได้รับเมตตาแบ่งผงพุทธคุณมา เพื่อเอาไว้ทำประโยชน์ให้พระศาสนา ซึ่งผมก็ได้เมตตาจากลุงกุ๊ก สุขสันต์ พรจินดา มาอีกทอดนึง ซึ่งในส่วนนี้ลุงกุ๊กให้มาเยอะพอดูทีเดียว ประมาณ 1 กาละมังใบย่อมๆ


ผงพุทธคุณสร้างพระพิมพ์สมเด็จ รุ่นญาณวิลาส หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี 



  สำหรับพระผงของหลวงพ่อแดง ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากๆรุ่นหนึ่งคือ พระผงญาณวิลาศ  เป็นพระที่ลูกศิษย์ตั้งใจทำถวายโดยรวบรวมมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากที่ต่างๆทั่วทุกภาคของประเทศไทย ประมาณ 300 กว่าวัด  โดยได้นำมวลสารเก่าๆที่หลวงพ่อแดง เก็บไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2489 มาเป้นส่วนผสม  พระผงญาณวิลาศได้เริ่มดำเนินการสร้างตั้งแต่ปี 2509  มาออกให้บูชาอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2514   สำหรับผงมวลสารเท่าที่ทราบประกอบด้วย


1. ชิ้นส่วนพระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหมที่ชำรุด
2. ปูนจากส่วนที่เป็นอุณาโลมของหลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร
3. ผงพระวัดเงินคลองเตย
4. ผงพระวัดสามปลื้ม
5. ผงพระหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก
6. ผงพระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปี 2497
7. ผงดินที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและที่ปรินิพพาน
8. ทองคำเปลวที่ติดเสาหลักเมืองจังหวัดต่างๆ หลายจังหวัด
9. ดินใจกลางเมือง "ชัย" 9 แห่งคือ ชัยภูมิ ชัยนาท พิชัย ชัยบาดาล เด่นชัย ไชยา มหาชัย นครไชยศรีและหริภุญไชย
10. ผงตะไบเหล็กยอดปราสาท ยอดเจดีย์ เหล็กบ่อน้ำพี้ เหล็กตรึงปั้นลม ฯลฯ
11. ดินโป่ง 7 โป่ง ดินท่า 7 ท่า
12. น้ำพระพุทธมนตร์และเทียนชัย พุทธาภิเษกจาก 109 วัด
13. ว่าน 108
14. ผงตะไบชนวนพระกริ่งเก่าต่างๆ เป็นต้น



  
  มวลสารที่สร้างพระพิมพ์สมเด็จ รุ่น ญานวิลาส นี้ลุงกุ๊กได้รับจาก ท่านพลตำรวจโท ประสงค์ เจิมพร โดยตรง ทุกวันนี้พระรุ่น ญานวิลาส และ ผงมวลสารที่ใช้สร้างที่เหลือ อยู่ที่วัดธรรมยุติแถวๆบางลำภู และ ยังได้รับกระแสพุทธคุณเพิ่มพูนขึ้นทุกครั้งที่มีพิธีพุทธาภิเษก เพราะอยู่ที่???  หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ สุดยอดพระเมืองเพชรฯ อีกองค์หนึ่ง ที่มีประสบการณ์ขนาดเล่ากัน 3 วันไม่จบ

ผงรักทองพระประฐาน วัดกษัตราธิราช อยุธยา 


ผงรักทอง พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ วัดสุทัศน์ 

PhraBuddhaTreeLokachet.jpg



   ลุงกุ๊ก หรือ ลุงสุขสันต์ พรจินดา คือ ลูกศิษย์หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ คนนึง ลุงกุ๊กเป็นกุ๊กอาหารยุโรปรุ่นเก๋าที่ ผ่านงาน ผ่านวัย ผ่านชีวิต และ เรื่องราว มามากมาย แต่เมื่อถึงวัยปลดเกษียณแล้ว ด้วยความเป็นคนใจบุญสนใจเรื่องพระตั้งแต่ยังหนุ่ม ประกอบกับรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆท่านที่ท่านชอบสร้างพระเช่นกัน ลุงกุ๊กจึงได้รับแบ่งและแลกเปลี่ยนผงวิเศษนานาประการมาเก็บสะสมไว้ หลายชนิดจนเวลาผ่านมานานหลายปี จึงมอบส่วนหนึ่งมาร่วมทำบุญกับหลวงปู่ท่านด้วย  เขียนไปเขียนมา อ่านไปอ่านมา คิดถึงลุงกุ๊กขึ้นมาซะอย่างนั้น

    *ด้วงเลียบชุดสุดท้ายรวมถึงองค์ใหญ่ที่เก็บไว้บูชา ตอนนี้ได้นำไปถวาย ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง เพื่อบรรจุไว้ใต้ฐานหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่ทางวัดจะจัดสร้างขึ้น ครูบาท่านบอกว่า.....ของนี้เหมือนมีชีวิต มีความศักดิ์สิทธิ์ จะเอาไว้บรรจุใต้หลวงปู่ทวด ของๆท่านก็เอาคืนให้ท่าน.......

   **โรงงานพระเครื่องเขาจะไม่ใส่มวลสารที่ผู้ว่าจ้างจัดเตรียมไปให้ เยอะตามที่เราต้องการหรอกครับ เพราะมวลสารจะมีผลต่อสูตรปูนที่โรงงาน ที่ได้ผสมอย่างมีสัดส่วนพอเหมาะแล้ว ถ้าเอามวลสารมาใส่เพิ่มเกิดผิดสูตร จะเกิดความเสียหายได้ครับ จะทำพระผงโดยการว่าจ้างโรงงานก็ต้องทำใจครับ

    ผมเองยังต้องเสียน้ำอมฤตไปหลายขวด เพื่อเป็นเครื่องเซ่นให้ช่างที่รับผิดชอบงานของผม ผสมเนื้อพระออกมาให้ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเห็นแล้วก็เข้าใจว่าการใส่มวลสารเยอะนี่ มันทำยากจริงๆ แก้กันหลายรอบมาก พอปั๊มเสร็จถ้าช่างรีบเอาพระผึ่งโดนลมโดนแดดสีก็จะซีดหมด ต้องเอาอะไรปิดบ่มไว้สัก 2-3 วันถึงผึ่งลมได้ ตรงนี้ก็ใช้กำลังภายในไปอีกมากเอาการ

 ***ผมมีปัฐวีธาตุที่หลวงปู่ท่านอธิฐานจิตให้อยู่จำนวนหนึ่ง ในปีนี้ 2559 ทางวัดสันพระเจ้าแดง ซึ่งมีครูบากฤษดา สุเมโธ เป็นเจ้าอาวาส ได้บูรณะเจดีย์ครูบาท่านบอกบุญกับผู้มีจิตศรัทธาว่า ต้องการสิ่งมงคลเพื่อบรรจุในพระเจดีย์ ผมจึงนำเอาปัฐวีธาตุของหลวงปู่ไปถวาย 

     เมื่อวันที่เอาไปพอท่านเห็นผม ก็รีบเรียกให้ลัดคิวเข้าไปก่อน พอถวายและบอกเล่าว่าอะไรคืออะไรกับท่านเสร็จ ท่านก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุยไปประเดี๊ยวก็เอาปัฐวีธาตุมาดู ดูแลัวก็วาง สักพักก็เอามาดู เอานิ้วเกลี่ยไปมา สักพักท่านก็เอาปัฐวัธาตุ 1 เม็ดจากในถุง หย่อนลงในบาตรน้ำมนต์ข้างตัวท่าน ครูบาท่านบอกว่า .....หลวงปู่หงษ์ เป็นพระอริยะบุคคล ........สาธุ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น