คลังบทความของบล็อก

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ พระอาจารย์ผู้อยู่เหนือเศียรเกล้า 9

    

     เคยได้ยินพวกลูกศิษย์รุ่นเดียวกันกับผม คุยให้ฟังหลายคนว่า หลวงปู่ท่านมีวิชาเสกท่านปลัดอยู่แต่ท่านไม่เสก และไม่เคยเต็มใจเสกให้ใคร เพราะท่านไม่ชอบเวลาถ้าใครไปขอทำปลัด ท่านก็จะบอกว่า

........ทะลึ่ง ไม่ชอบ....

      พวกเราก็เลยพับโครงการท่านปลัดเอื้ออาทรไป แต่ก็มีพระทางชลบุรี-ระยองที่มาพักอยู่กับหลวงปู่ท่าน ได้แอบเอาปลัดขิกเข้าไปฝากในเขตบายศรีเวลาเขามาลงสาริกาเหมือนกัน และเท่าที่ทราบไม่ว่าใครได้ท่านปลัดชุดนี้ไปก็จะฝันแปลก ๆ กันทุกคน (ฝันว่า....??)

    และก็มีลูกศิษย์ที่คอยติดตามหลวงปู่ ฯ ท่านไปทุกที่ อยู่คนชื่อนายบูรณ์ คนนี้ก็เป็นหลานหลวงปู่ ฯ ท่านคนนึง นายคนนี้ตามหลวงปู่ไปทุกที่ มีครั้งนึงแกเล่าให้ฟังว่า แกไประนองกับหลวงปู่ท่าน คนเขาให้ท่านปลัดหลวงพ่อยิด มา 2 ดอก เป็นกระดูกปลาพยูน แล้วแกก็เอาปลัดที่ได้มาร้อยไว้กับกุญแจต่าง ๆ ในพวงกุญแจมาโชว์ให้ดู แล้วแกก็เล่าว่า


    
   ....พี่ ตอนนั้นผมนอนเฝ้าหลวงพ่อ(บูรณ์เรียกหลวงปู่ว่าหลวงพ่อ) พอหลวงพ่อตื่นผมก็ลุกขึ้นมาสวดมนต์ผมก็เอาพวงกุญแจที่ผมถอดเอาวางไว้ข้างที่นอน มาวางไว้ข้างหน้าบนยกพื้น ข้าง ๆ ที่นอนหลวงพ่อ ผมกำลังง่วง ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง แคร็ก ๆ ๆ ก็ลืมตาดูเห็นพวงกุญแจมันขยับได้ ก็นึกได้ว่ามีปลัดขิก หลวงพ่อท่านก็หันมาดูผมเลยรีบเก็บมาใส่กระเป๋าไว้ กลัวหลวงพ่อจะว่าเอา ผมเลยเชื่อว่าหลวงพ่อท่านก็เสกปลัดขิกให้เคลื่อนไหวได้ พี่ลองขอหลวงพ่อทำปลัดขิกแล้วมาแบ่งกันสิ ....

      ผมเองก็อยากได้อยู่นะเพราะรู้เรื่องที่หลวงพี่จาก จ.ระยอง เอาปลัดขิกมาซุกไว้ในพิธิพอเอามาแจกกันยังได้เรื่อง พอดูโอกาศเหมาะก็เข้าไปกราบเรียนท่าน ขออนุญาตเอาปลัดขิกมาให้ท่านเสกให้ หลวงปู่ท่านก็ว่า....อึ้...ทำมา....แต่ผมสังเกตุก็รู้ว่าท่านไม่เต็มใจเท่าไหร่ ก็เลยพับโครงการปลัดเอื้ออาทรไปเป็นการถาวร



         ครั้งนึงเพื่อนของเฮียที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ฯของเรา ไปกราบหลวงพ่อเปิ่นที่วัดบางพระ พอดีว่ามีคนเขาพาผู้ที่ถูกคุณไสยมีอาการเหมือนผีเข้ามาให้หลวงพ่อเปิ่น ท่านรักษา พอหลวงพ่อเปิ่นท่านทราบเรื่องท่านก็นิ่งไปสักครู่ ท่านก็หันมาพูดกับเพื่อนของเฮีย(ลูกศิษย์หลวงปู่ฯเรา) ว่า

....เออ มีปากกาอาจารย์หงษ์ใช่มั๊ยเอามาลองไล่ดูซิ....

 เพื่อเฮียคนนั้นก็กลัว ๆ กล้า ๆ พอหลวงพ่อเปิ่นท่านย้ำอีกที จึงเอาปากกาออกมาตั้งจิตอธิฐานและเดินไปใกล้ ๆ คนที่โดนของ คนที่โดนของนั้นก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งทันที และทราบตอนหลังว่าได้หายเป็นปกติดี

       หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งวัดบางพระเป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านถามถึงบ่อย ๆ ยิ่งเมื่อตอนที่หลวงพ่อเปิ่นจะมรณะภาพ และเข้าโรงพยาบาล หลวงปู่ท่านก็ถามถึง และอีกองค์ก็คือหลวงพ่ออุตตมะ อุตตมะรัมโภ เป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านดูจะเป็นห่วงและถามถึงเสมอ ๆ 

      แม้แต่ตอนที่ หลงพ่ออุตตมะ มาเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฏ หลวงปู่ฯ ท่านก็ได้ตามมาเยี่ยมหลวงพ่อ ฯ ด้วยเช่นกันท่านเหล่านี้เป็นผู้วิเศษ ที่มีใจผูกพันกัน และมีคุณธรรมและคุณวิเศษเป็นที่ประจักษ์ทั้งสิ้น





...นะเมติ....

    พระคาถาบทนี้เป็นคาถา ประจำสำนัก ที่ไว้ให้ศิษย์ภาวนาเวลาจะสื่อกับครูบาอาจารย์ หลวงปู่ท่านเคยบอกว่า

.....เราภาวนา นะเมติ นี้หนาสะเทือนขึ้นไปถึงพรหมโลก.....

หมายถึง นะเมติ นี้ถ้าเราภาวนาจะสื่อไปถึงสุดแดน ครูบาอาจารย์ผู้สถิตย์อยู่บนชั้นพรหมโลก

      และความหมายของ นะเมติ นี้หลวงปู่ท่านบอกว่าหมายถึงรสน้ำนมแม่พระธรณีย์ คืออาหาร พืชพันธุ์ ข้าว น้ำต่าง ๆ ที่เลี้ยงดูทุกสรรพชีวิต อย่างไม่ลำเอียง ใครจะปลูก ใครจะหว่าน ใครจะเก็บเกี่ยว เอาไปกินไม่ว่า คนหรือสัตว์ ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน พระสงฆ์ เณร ชี หรือ  มหาโจร คนต่ำทราม แม่พระธรณีย์ก็ไม่เคยรังเกียจมีคุณให้การเลี้ยงดูเท่า ๆ กันหมด แล้วแต่ใครจะเก็บเกี่ยวใช้สอยได้มากเท่าใด

    นะเมติ รสน้ำนมแม่พระธรณีย์ นี้จึงเปรียบเหมือนคุณครูบาอาจารย์ ที่ไม่เคยรังเกียจเดียจฉันท์ ลูกศิษย์คนใด ที่เคารพนับถือ คอยอุดหนุนค้ำชูดูแลรักษา ดุจสายใยพันผูกแม่กับลูก

     และเคยได้ยินหลวงปู่ ท่าน กล่าวสอนในเรื่องของข้อห้ามในการดื่มเหล้าเสมอ คือดื่มเหล้าท่านและครูบาอาจารย์จะช่วย 3 ครั้ง แต่ถ้าช่วยพ้น 3 ครั้งแล้วยังดื่มอีกหลวงปู่ท่านและครูบาอาจารย์ จะปล่อยไปตามเวรตามกรรม แต่ที่ห้ามยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือ ห้ามเล่นชู้กับเมียชาวบ้าน ถ้าทำท่านและครูบาอาจารย์จะช่วยแค่ครั้งเดียว แล้วต่อมาเวลามีภัยท่านจะปล่อยไปตามกรรมเช่นกันครับ ขอให้โชคดี



     หลวงปู่ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อไม่นานเท่าไหร่มานี้ มีหญิงชาวบ้านคนหนึ่งมาบูชาสีผึ้งที่สุสานตลับละ 50 ไป ต่อมาไม่นานเธอก็กลับมาเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ได้ประสพถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านฟัง เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเธอได้สีผึ้งไปเธอก็กระหยิ่มยิ้มย่องเอาไป ทาปาก ทาคิ้ว ไล้ผม ตามสูตร


    ไม่นานก็มีหนุ่มมาปิ๊ง แต่เป็นหนุ่มที่ไม่โสดเพราะมีศรีภรรยารออยู่ที่บ้านแล้ว เรื่องราวก็ดำเนินไปตามพล๊อตเรื่องจนไปจบในห้องนอน อยู่ไปอยู่ไปสามีของเธอผู้มากเสน่ห์ก็ทราบเรื่องเข้า จึงคาดคั้นเอาความจริงเธอก็ยังใจดีสู้เอาสีผึ้งของหลวงปู่ ฯ ท่านมาทาปาก ทาคิ้ว ไล้เส้นผม คงกะจะให้สามีของเธอใจอ่อนยอมเชื่อว่าเธอบริสุทธิ์ผุดผ่อง 

  ฝ่ายสามีเมื่อซักไปซักมาคงเกิดเอ็นดู อยากให้ภรรยาที่รักสบาย ด้วยการไปเกิดใหม่ จึงคว้าเอามีดมาฟัน ๆๆๆ แบบไม่ยั้ง แต่ก็ไม่ได้สร้างบาดแผลใด ๆให้เกิดขึ้นกับเธอได้ จนเธอหนีเอาตัวรอดมาได้ พอเวลาและเรื่องราวผ่านไป เรื่องจางหาย ความโกรธของสามีคลายแล้ว ก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขต่อไป เธอก็นำเรื่องมาเล่าถวายให้หลวงปู่ท่านฟัง พอหลวงปู่เล่าจบท่านก็กล่าวทิ้งท้ายว่า

....เป็นชู้กับผัวชาวบ้านทำไมมันฟันไม่เข้า มันน่าจะเข้านะ แปล๊กแปลก......

    และสีผึ้งของหลวงปู่ท่านไม่ใช่เป็นแต่เมตตาค้าขาย เวลาเจ็บไข้ไม่สบายอยู่ไกลหมอ ให้อารธณาเอาสีผึ้งละลายในน้ำอุ่น แล้วดื่นกินเข้าไปจะช่วยให้บรรเทาได้ จะเดินทางไปทางใดอาราธนามาทาปาก คิ้ว ไรผม แล้วอธิฐาน เป็นไปได้ทุกทาง หรือแม้แต่ใช้จุนเจิมของมงคลให้ระลึกถึงหลวงปู่ แล้วเอาสีผึ้งจุนเจิมแตะแต้มก็เกิดเป็นสิริมงคลได้

    ถ้าสีผึ้งจะหมดหรืออยากให้ได้เยอะๆ แม้เหลือสีผึ้งเท่าหัวไม้ขีดไฟ ถ้าใจเชื่อมั่นก็เอาผสมสีผึ้งธรรมดาและบอกกล่าวหลวงปู่ท่าน และครูบาอาจารย์ก็บรรดาลให้มีคุณเหมือนสีผึ้งที่หลวงปู่ท่านอธิฐานจิตได้

    การทาสีผึ้งแบบของหลวงปู่ท่านนั้น ให้เอานิ้วชี้แตะสีผึ้งแล้วเอาคลึงกับนิ้วโป้ง แตะที่มุมปากแล้วจีบเข้าหากันที่กลางปาก เวลาทาคิ้วก็แบบเดียวกัน แตะที่หางคิ้วแล้วจีบเข้าหากันที่หว่างคิ้ว ที่ไรผมก็ทำแบบเดียวกัน



     ฝากไว้อีกสักนิดว่า หลวงปู่ ฯ ท่านเคยบอกกับผมไว้ว่า "ต่อให้เราสร้างพระให้ขลังขนาดไหน ถ้าเขาถือ(ศีล)ไม่ได้ก็ไม่ขลัง" ท่านที่ครูบาอาจารย์คุ้มครอง หรืออวยพรให้ก็ขอให้ภูมิใจว่าท่านเองก็มีความดีในตัวเองอยู่บ้างไม่มากก็น้อย





วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ พระอาจารย์ผู้อยู่เหนือเศียรเกล้า 8

 ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หลวงปู่ดู่ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หลวงปู่ทวด

   ในปี 2545 ผมและคุณวีรพงษ์ แซ่เตี้ย รวมถึงลูกศิษย์อีกหลายท่าน มีเฮียเบ็นซ์ ท่านพระป๋อง ลุงกุ๊ก ได้จัดพิธีลงกระหม่อมถวายหลวงปู่หงษ์ท่าน รายได้ทุกบาททุกสตางค์ไม่หักค่าใช้จ่าย ถวายให้หลวงปู่หมด และได้ทำพระเครื่องไว้แจกจ่ายให้กับผู้มาร่วมพิธีด้วย ในพิธีครั้งนั้นได้สร้าง พระสามทวดอันประกอบด้วย หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี



    และได้สร้างพระพิฆเณศวร ขึ้นมาเพื่อแจกเป็นที่ระลึกด้วย พระพิฆเณศวรนี้เมื่อแรกยังตัดสินใจว่าจะสร้างดีหรือไม่ ก็ได้โทรปรึกษากับท่านพระป๋อง ขณะที่กำลังถกกันว่าจะสร้างดีหรือไม่สร้างดี  คนในบ้านผมก็เอะอะขึ้น ผมเลยออกไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น เมื่อออกไปดูก็ต้องแปลกใจเพราะมี นกแก้วมาคอว์สีขาวตัวใหญ่มาก บินมาจากไหนไม่ทราบ มาเกาะอยู่บนหลังคารถในโรงจอดรถ 




   ผมก็ไม่สนใจอะไรมาก เลยกลับมาคุยโทรศัพทย์กับท่านพระป๋องต่อ พอเล่าให้ท่านพระป๋องฟังเรื่องนก ท่านพระป๋องก็บอกว่า....พี่ตัวละเป็นหมื่น....ผมเลยตะโกนบอกคนในบ้าน ทีนี้ไล่จับกันใหญ่เป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ก็เคยได้ข้อสรุปว่า.....ตกลงสร้าง...เพราะเหมือนครูบาอาจารย์มาให้นิมิต



   ในวันพิธีที่จัดขึ้นใน วันที่ 9-10 สิงหาคม 2545 ในวันที่ 9 เป็นพิธีลงกระหม่อม และวันที่ 10 เป็นพิธีอธิฐานจิตวัตถุมงคล ซึ่งวัตถุมงคลก็อยู่ท่ามกลางบายศรีในพิธีนั้นตลอด 2 วัน ทุกอย่างก็สำเร็จเรียบร้อยไปด้วยดี ตามที่พวกเราตั้งใจ แต่หลังจากวัันงาน ก็มีผู้ที่ไปร่วมพิธีบางท่าน เมื่อเจอหน้าผมก็ถามว่าผมมีโชคมั๊ย ผมก็บอกว่าไม่มี สหายท่านนั้นก็บอกเค้ามีโชคลาภพอควร เพราะบารมีหลวงปู่ท่าน ผมก็สงสัยเลยถามกลับไปว่า เอาโชคลาภมาจากทางไหน สหายท่านนั้นตอบกลับมาอย่างฉะฉานว่า ...แหม...ก็จัดงานวันที่ 10 เดือน 8  ก็ 108 ไง ก็นะผมไม่มีหัวทางนี้เลยไม่มีโชคลาภกับเค้า แต่ก็ดีใจด้วยนะครับ

http://www.tlcthai.com/lotto/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%A2/533.html

http://lotto.narak.com/lottery_2545.php

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ พระอาจารย์ผู้อยู่เหนือเศียรเกล้า 7


    หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยรู้จักหลวงปู่ในแง่ของพระขลัง และขมังพระเวท นั่นเป็นเรื่องจริงครับแต่หลวงปู่ท่านเคยพูดในอีกแง่มุมนึงให้ผมฟังว่า
   
....หลวงปู่เสกพระไม่ให้เขาผิดศีลไม่ให้เขาทำบาป......(เสกให้เขาฆ่ากันไม่ตาย เสกให้กำบังให้เขามองไม่เห็น เขาจะทำร้ายกัน ขโมยของกัน ก็มองไม่เห็น ก็ทำผิดศีลไม่ได้)

 หลวงปู่ฯ ท่านพูดให้ฟังเสมอ ๆ ว่า 

.....ครูบาอาจารย์ถ้ารักลูกศิษย์แล้วต้องให้ลูกศิษย์ถือศีล .......

    ถ้าให้แต่ของขลังไปแล้ว บอกแต่ว่าของนี้ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก ลูกศิษย์ที่ดีก็มีที่ไม่ดีก็ต้องมีปะปนมา และพวกนี้ที่เอาของขลังทั้งหลายไปก่อกรรมทำชั่ว เกะกะระรานเกเรสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และสุดท้ายก็สร้างเวรก่อกรรมมากต่อมาก กรรมเวรเหล่านั้นก็จะมาถึงครูบาอาจารย์ด้วยในที่สุด เพราะไม่ได้สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีแต่แรก อย่างหลวงปู่ ฯ ท่านๆจะบอกก่อนเลยว่าของ ๆ ท่านต้องถือศีล ถ้าถือศีลไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาไป

    แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้รู้ได้เห็น คนที่โดนอะไรหนัก ๆ (หนักจริง ๆ)ทั้งหลายก็เป็นคนที่ดื่มสุราเป็นอาจิณต์ครับ บางคนถูกยิงไม่เข้าก็มาเรียนหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ถามว่าดื่มเหล้าหรือเปล่า เขาตอบว่าดื่ม หลวงปู่ ฯ ท่านก็ตอบต่อไปว่า 

.......นี่ถ้าไม่ดื่มเหล้าปืนยิงไม่ออกดอก .......

    ก็เล่าเท่าที่ทราบให้พิจจารณากันนะครับเราได้ฟังก็มาคิดดูก็จริงของท่านแฮะ ท่านมีความคิดข้ามหัวเราไปไม่รู้เท่าไหร่ ท่านมองทะลุถึงแก่นแท้จริง ๆ


      ที่จริงยังมีพระหลวงปู่อีกมากที่คนไม่รู้จัก บางรุ่นมีอภินิหารย์เหลือเชื่อ แต่ไม่มีใครรู้จักก็มีเยอะ อย่างรุ่น วัดราชบูรณะสร้าง เด็กน้อยโดนรถเบนซ์(หนักมาก) ทับแต่ไม่เป็นอะไรเลย พ่อแม่เด็กยังพาเด็กมากราบหลวงปู่ตอนท่านเข้าโรงพยาบาล สมิติเวช ผมก็อยู่ในตอนนั้นด้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตะกรุด 12 ดอก หลวง ปู่ หง ษ์

    หรือตะกรุด 12 ดอกที่พระที่วัดจารแล้วเอามาขายหลวงปู่ หลวงปู่ท่านเสกแค่ 5 นาที 10 นาที ลุงสุเมือยโดนปืนลูกซองยิงยังไม่โดนเลย(กระสุนออกแต่แตกเป็นลูกไฟก่อนถึงตัวหมด)


  

    หรือพระ รุ่น "ใจรวมใจ"ที่ครอบครัวท่านพระป๋องสร้าง แจกไปกับซองผ้าป่าไม่กำหนดราคาค่างวดอะไร ถ้าใครกล้าขอก็กล้าให้ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน คนที่บูชาโดนแทงด้วยขวดปากฉลามไม่เข้าก็ปรากฏให้เห็นมาแล้ว หรือแม้แต่สายสินธุ์แค่เส้นเดียวก็ยังทำให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และคณะทึ่งในอานุภาพมาแล้ว

    และยังมีอีกเยอะที่มีคนที่เจตนาบริสุทธิ์และสร้างถวายหลวงปู่ด้วยศัทธา ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น ซึงของหลวงปู่นั้น ถ้าเสกแล้วล้วนแล้วแต่ขลังแท้ และแน่นอนที่สุดทุกสิ่งทุกอันไป แต่ถ้าชิ้นไหนอันใดไม่ได้ให้หลวงปู่ท่านเสก คนสร้างเสกเองล่ะก็ .............ครับ




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หลวงปู่หง กุมาร ดิน

       เกี่ยวกับกุมารของหลวงปู่ฯท่านมาเล่า เมื่อก่อนนี้ผมเคยปั้นกุมารจากดินอาถรรพ์ไว้หลายองค์ และได้ถวายให้หลวงปู่ท่านเสกให้ ก็ตามประสาคนใจง่ายเพื่อน ๆ เขารู้เข้าใครขอเราก็ให้ไป จนเหลือองค์สุดท้าย ปั้นเองเอาแค่พอดูรู้ว่าเป็นตุ๊กตารูปคน ไม่ใช่อย่างอื่นก็ถือว่าใช้ได้ละ

    องค์สุดท้ายนี่บูชาเลี้ยงดู มานานพอสมควรก็เงียบจนลืมไปเลย แต่ก็เลี้ยงอยู่ไม่เคยขาด จนมาวันนึงได้ฝันไปว่าไปที่บ้านทรงไทยหลังหนึ่ง แล้วไปเดินเล่นบริเวณบ้านพอเดินลัดเลาะลังจะเลี้ยวเข้าตรงหัวมุมอาคาร ก็เห็นว่ามีเด็กอ้วนมาแอบมองอยู่ที่มุมตึก ทำท่าเหมือจะเล่นซ่อนหากับเรา เราเองเราก็ชอบ(แกล้ง >"<)เด็กอยู่แล้ว พอเห็นเขามาแอบอยู่ ก็เลยวิ่งไล่ตามหลังไป ก็สังเกตุเห็นอย่างนึงว่า ที่กลางหลังบริเวณก้นกบของเด็กนั่นมีปานดำดวงใหญ่เท่ากำปั้นติดอยู่


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หลวงปู่หงษ์ เม็ดแตง
ยันต์กันอาวุธ
     

      พอผมวิ่งตามทันก็กอดปล้ำเล่นเจ้าเด็กอ้วนนั่น กอด ปล้ำ เล่นจนเราตื่น ก็มานึกว่านี่ เราฝันบ้าอะไร ก็มานั่งลำดับดูก็จำได้หมด ก็ไม่คิดอะไรจนวันต่อมาไม่นานนักหลังจากฝันได้ทำความสะอาดหิ้งพระ ก็เอากุมารลงมาดู ดูไป ดูมา พอพลิกด้านหลังดูก็เห็นตราประทับเป็นรูปยันต์กันอาวุธ เราก็มานึกถึงที่เราฝัน ก็แปลกใจว่าเออ ตราประทับที่เราประทับไว้บนกุมารนั้น เป็นตำแหน่งเดียวกับปานบนหลังเจ้าเด็กอ้วนในฝันเราเลยแฮะ


ที่มา..https://www.facebook.com/groups/520063878070333/

   หลวงปู่ ฯ ท่านเคยพูดเสมอ ๆ ว่าเดี๋ยวนี้คนฆ่ากันตายน้อย(เมื่อ 5-6ปีที่แล้ว) รถชนกันตายเยอะกว่า ผมเห็นด้วยเพราะผมเองก็เจอเรื่องรถกับหลวงปู่ฯท่าน มาหลายหน

   เมื่อก่อนผมมีธุระต้องไปทำงานแถวม.รามคำแหงเสมอ แถวหน้ารามนั้นจะมีท่ารถเมล์ อยู่และก็จะมีเส้นถนนขีดเป็นเส้นแนวยาวกั้นไว้ คืนนั้นฝนตกพรำ ๆ ผมก็ขับรถไปตามปกติ พอมาถึงหน้าราม รถเมล์คันที่ขับอยู่ข้างหน้าผม ก็หยุดเพื่อจะเข้าจอดป้าย ผมซึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์ตามหลังมาก็เบรครถชลอ ก็พอดีว่าไปขับทับเส้นที่ขีดยาวกั้นสำหรับป้ายรถเมล์ไว้พอดี 

       รถก็ส่ายเพราะลื่นมาก (เรื่องเส้นขีดกั้นถนนลื่นเวลาเจอน้ำนี่ผมเจอหลายครั้งแล้วลื่นมากต้องระวังครับ) เบรคแล้วรถไม่ยอมหยุดไถลไปกำลังจะชนท้ายรถเมล์ในใจก็นึกถึงหลวงปู่ฯท่าน ทันใดนั้นเองก็มีความรู้สึกเหมือนมีมือขนาดใหญ่มาจับท้ายรถให้ค่อย ๆ หยุดส่ายและค่อย ๆ หยุดลง ห่างจากรถเมล์ไปไม่กี่มากน้อย ......นึกว่าจะไม่รอด

     อีกครั้งเมื่อตอนขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านตอนกลางคืนคืนนั้นง่วงมาก ๆ จำได้ว่ากำลังข้ามสะพานกรุงเทพ พอใกล้จะถึงตีนสะพานก็วูบไป(หลับใน) มารู้สึกตัวอีกทีก็จะถึงตีนสะพานอีกฝั่งนึง แล้วพอได้สติก็เอามือตบอกที่ห้อยพระอยู่ทันที นี่ครูบาอาจารย์คงคุ้มครองอีกครั้ง ...ขับข้ามสะพานมาได้ทั้งที่หลับใน....แปลก ม๊าก มาก

    หรืออย่างลูกศิษย์หลวงปู่ท่านนึง(ไม่สนิทกันขอไม่เอ่ยชื่อครับ)ขับรถไปทำธุระที่สระแก้ว พอขับไปใกล้จะถึงแล้ว ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่ใต้ท้องรถก็จอดรถเพื่อจะดู แกเล่าว่า พอจอดรถ รถก็ยุบลงไปข้างนึง พอออกไปดูก็ปรากฏว่ายางแตกไป เส้น แต่ยางเกือบจะไม่เหลือแล้ว เหลือแต่ตัวล้อเหล็กเท่านั้น แกว่าแกได้เกษาหลวงปู่ ฯ ท่านมาหน่อยนึงแกจึงเอามาใส่กรอบเลี่ยมไว้หน้ารถ กับสติ๊กเกอร์รูปท่านเท่านั้นครับ

   ครั้งนึงหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า มีลูกศิษย์ท่านคนนึงเป็นคนขับรถรับจ้าง มีพระหลวงปู่ท่านติดตัวอยู่ วันนึงขับรถไปติดไฟแดงอยู่ ขณะที่กำลังรอไฟแดงนั้น ได้ยินเสียงดังตูม แล้วก็เห็นรถพุ่งมาจากทางข้างหลังแก แล้วเลี้ยวไปชนรถคันข้างหน้า พอทุกอย่างสงบก็ลงไปดูว่า เกิดอะไรขึ้น ก็ได้ความว่ารถคันหลังแกก็คือคันที่พุ่งผ่านรถแกไปชนรถคันหน้า ได้ถูกรถคันหลังถัดไปเสียหลักพุ่งมาชนตามหลักน่าจะชนรถแก แต่กลายเป็นว่ารถมันอ้อม ไปชนรถคันหน้า แปลกจริง ๆ ...พอเล่าจบหลวงปู่ก็บอกว่า ...รถมันอ้อมไปชนคันหน้าได้ แปลก ม๊าก มาก



    ลูกศิษย์หลายท่านที่เคยนิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านไปจำวัดที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคล ท่านก็เมตตาไปให้มีอยู่ครอบครัวหนึ่งก็ได้นิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านไปจำวัดที่บ้านเช่นเดียวกับครอบครัวอื่น ๆ โดยจัดห้องที่พักและจัดเครื่องใช้ต่าง ๆ สำหรับหลวงปู่ ฯ ท่านเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะ

    รวมถึงพวก จาน ชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ ฯลฯ เพื่อที่เมื่อหลวงปู่ ฯ ท่านกลับไปแล้วจะได้เอาไว้บูชาเป็นที่ระลึก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่ก็มีเรื่องไม่ปกติธรรมดาเกิดขึ้นจนได้ จนต้องเอาของที่เป็นต้นเหตุของเรื่องไม่ธรรมดา มาถวายให้หลวงปู่ท่านดู ของนั้นก็คือ แก้วน้ำ ใบหนึ่งและเป็นแก้วน้ำที่ตรงก้นแก้วมีรอยร้าวพาดผ่านจากด้านนึงไปอีกด้านนึง

     ก็ได้รับทราบความว่า เมื่อก่อนหน้านี้ได้นิมนต์หลวงปู่ ฯ ท่านไปจำวัดที่บ้าน ก็ได้จัดข้าวของเครื่องใช้ถวายท่านตามปกติ และก้ได้เก็บของเหล่านั้นไว้บูชาต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะด้วยเหตุใดมิทราบได้ มีคนเอาแก้วน้ำที่ท่านเจ้าบ้านได้ถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านใช้ไปใช้ต่อ พอยกแก้วขึ้นดื่มน้ำก็ปรากฏว่าก้นแก้วร้าวดัง เพี๊ยะ ทันทีจึงเอามาพูดกัน ในสมาชิกครอบครัว

     ท่านเจ้าบ้านพอเห็นแก้วแล้วก็จำได้ว่า เป็นแก้วใบที่เคยถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านใช้ จึงเกิดความอัศจรรย์ใจ พอมีวันว่างก็รีบเอาแก้วน้ำมาถวายให้หลวงปู่ ฯ ท่านดู หลวงปู่ ฯ ท่านก็ยิ้ม ๆ ไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้ม ๆ เท่านั้น เป็นคำอธิบายของหลวงปู่ฯท่าน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอกปีบ