เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อก่อน ถ้าใครเคยไปหาหลวงปู่ช่วงปี 45 ถึงประมาณปี 50 อาจจะได้เคยพบเคยเห็น คุณแม่ชีท่านหนึ่ง รูปร่างเล็กเล็กผอมผอมแต่ท้องใหญ่ ซึ่งผมเองก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับท่าน คุณแม่ชีก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนคุณชีเธอไม่สบาย ท้องบวมขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุ ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอก็ไม่ทราบสาเหตุ ที่แท้จริง จนมาระยะหลังอาการเครียดหนัก คุณชีเธอ ก็ไม่สบายถึงขั้นไม่รู้สึกตัว สามีจึงพามาหาหลวงปู่ หลวงปู่ท่านก็ทำพิธีถอนของให้ ซึ่งขณะที่ทำพิธีนั้น คุณชีเธอก็ปัสสวะออกมามากมาย จนเต็มถุงเก็บปัสสาวะ
และเมื่อสามีเธอได้สังเกตเห็นในถุงปัสสาวะเหมือนมีตะกอนดินตกตะกอนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงมากราบเรียนถามหลวงปู่ ว่าคืออะไร หลวงปู่ท่านตอบกลับไปว่าเป็นดินป่าช้าดินผีที่เขาผสมมากับข้าวกับของกินมาให้นิดเดียว แล้วเขาก็ส่งเข้ามาได้เรื่อยๆ จนมันเยอะ ถึงขั้้นให้เกิดอาการเจ็บป่วยจนถึงตาย
หลวงปู่ท่านยังบอกอีกว่าหลวงปู่ช่วยชีวิตได้ไม่ให้ตาย แต่ร่างกายโดนทำลายไปเยอะแล้วอายุจะไม่ยืน ก็เป็นจริงอย่างที่ท่านว่าหลังจากที่ หลวงปู่ท่านกล่าว เพราะหลังจากที่ผมได้รับฟังเรื่องราวจากคุณชีได้ไม่นาน คุณชีเธอก็ได้เสียชีวิตลง และเป็นเรื่องน่าแปลกอีกอย่างที่ควรบันทึกไว้ คือศพของเธอคุณหมอไม่สามารถกรีดเส้นเลือดเพื่อฉีดฟอมาลีนได้ จนสามีของคุณชี ได้โทรมากราบเรียนปรึกษาหลวงปู่ หลวงปู่ท่านจึงอนุญาตให้ผ่าเพื่อฉีดฟอร์มาลีนได้
แสดงให้เห็นว่าลูกศิษย์คนใดก็ตาม ที่ได้ลงกระหม่อมผ่านพิธีไหว้ครู หรือไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมใดของหลวงปู่ หรือมีวัตถุมงคลใดใด และมีจิตใจเชื่อมั่นศรัทธาจริง อย่าว่าแต่จะคุ้มครองจนตลอดชีวิต แม้ตายไปแล้ว ครูบาอาจารย์ก็ยังแสดงให้ทราบ แสดงให้ได้รู้ ว่าครูบาอาจารย์ท่านรักษาอยู่จริงๆ
และมีอีกอย่างนึง ที่อยากจะให้ท่านได้ทราบกันไว้ กล่าวคือ ครั้งหนึ่งผมเคยถามหลวงปู่ว่า มีอะไรที่พระของหลวงปู่ กันไม่ได้บ้างหรือไม่ หลวงปู่ท่านนั่งนิ่ง ไปอึดใจหนึ่ง แล้วตอบว่า..... มี .....ของกิน(ถ้ามีพิษ)ต้องระวังเอาเอง ถ้ากินเข้าไปแล้วใครก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นกันได้ทุกอย่าง ผมก็เลย เรียนถามท่านว่ามี สิ่งใดที่จะป้องกันเรื่องการกินได้หรือไม่ ท่านก็เลยให้......คาถามาสามคำ....เอาไว้เสกข้าวเสกอาหารก่อนจะกิน ถ้าอาหารมีพิษหรือมีคุณไสยอยู่ เราจะไม่สามารถเคี้ยวอาหารนั้นหรือกลืนลงคอไปได้ให้คายทิ้งแล้วนำอาหารเครื่องดื่มนั้นไปทิ้งเสีย คาถาดังกล่าวมีเพียงสามคำจะขอมอบให้ลูกศิษย์หลวงปู่ทุกๆท่านเพื่อรักษาวิชาครูบาอาจารย์ไว้...คาถาคือ ....นะโตวะ....
ไหนๆก็เล่าแล้ว ก็จะเลยเถิดไปอีกสักหนึ่ง เรื่อง คิอที่เชียงใหม่นี้ ตำบล ท่าศาลา มีอาจารย์อยู่คนหนึ่ง ชื่ออาจารย์..ว... ซึ่งกิตติศักดิ์ ก็คือ แกเป็นจอมขมังเวทย์ อันดับต้นๆ ถึงขั้นลองให้ดูได้ ทุกเมื่อทุกเวลา และเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับ ครูบาองค์หนึ่ง ซึ่งได้ฉายาว่าครูบาผีกลัว วัดท่านอยู่แถวสารภี
อาจารย์ท่านนี้เวลาจะลองของให้ลูกศิษย์ดู จะใช้มีดปลายแหลม โดยเอาด้ามจับยันกับฝาบ้านไว้ และเอาด้านปลายแหลมหันปลายแทงออกมา แล้วเอาปลายแหลมจอดที่หน้าอกตัวเอง ให้ลูกศิษย์ดันตัวอาจารย์ให้เข้าหาปลายมีด ลูกศิษย์พยายามดันเท่าไหร่ คมมีดเราไม่สามารถทำอันตรายผิวหนังอาจารย์ได้ และแกยังเลื่องลือ เรื่อง เสน่ห์ เมตตามหานิยมเป็นอย่างมาก
กล่าวกันว่าถ้าผู้หญิงคนใด อาจารย์..ว..เป่าหัวแล้ว แกจะต้องได้หญิงผู้นั้นป็นเมียทุกคน เรื่องมีถึงขนาดว่าผัวของผู้หญิง เอาปืนลูกซองมาตามถึงสำนัก จนแกต้องแก้ผ้าวิ่งหนีเข้าไปในวัด จนเป็นที่โจทย์จันกันทั้งบางก็มีมาแล้ว
และอีกวิชาหนึ่งที่อาจารย์แกเชี่ยวชาญมากก็คือ การใช้ผี การเลี้ยงผี ไม่ว่าจะเป็นการ ทำลูกกรอก ทำสีผึ้ง ทำน้ำมันพรายทำซากศพต่างๆเพื่อเป็นพยนต์เฝ้าบ้าน ก็สามารถทำได้สารพัด แต่สุดท้ายยอาจารย์ก็มาสิ้นท่าเพราะข้าวเหนียวนึ่งปั้นเดียว
ซึ่งจากเท่าที่ได้ฟังมาจากลูกศิษย์ใกล้ชิดของอาจารย์..ว..แกเล่าว่า มีคนเอาข้าวเหนียวมาให้อาจารย์ เป็นข้าวเหนียวดิบแต่เมื่อนึ่งแล้ว กลับสีไม่ขาวสะอาดเหมือนข้าวเหนียวทั่วไป แกยังทักอาจารย์ว่าอาจารย์อย่ากินเลยสีมันแปลกๆ
แต่อาจารย์..ว..ก็ไม่สนใจ กินจนหมดคนเดียว หลังจากที่ได้กินข้าวเหนียวปั้นนั้นเข้าไปจนอิ่ม แกก็นอน แล้วไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเลย เพราะอาจารย์ก็นอนนิ่งไม่สามารถขยับตัวได้นานถึง 3 วัน และเสียชีวิตในที่สุด จึงนำมาเล่าประกอบไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์
สุดท้าย ถ้าการเผยแพร่ กิตติคุณของหลวงปู่ในครั้งนี้จะเกิดอานิสงส์อันใด ก็ขอน้อมอุทิศให้คุณชี ได้รับกุศลนี้อย่างเท่าเทียมกันในสัมปรายภพ ด้วยเทอญ