รัก-ยม......สุดขลัง
รัก-ยม....เครื่องรางชนิดหนึ่งที่ทำเป็นรูปเด็ก 2 คนยืนพนมมืออยู่ในขวดน้ำมันจันทร์ ตามตำนานมีเรื่องเล่าอยู่ว่า
สมัยหนึ่ง
ในป่าหิมวันต์
เมืองเมืองหนึ่ง
เมืองนี้เป็นเมืองเงียบสงบ มองไปทางไหนก็มีแต่ป่าทั้งนั้น ในป่านั้นก็มีพระฤๅษีชีไพรนั่งบำเพ็ญตะบะเต็มไปหมด
ในขบวนเหล่าฤๅษีนั้นก็มีพระพหลฤๅษีอยู่องค์หนึ่งทึ่เป็นใหญ่กว่าฤๅษีทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่งฤๅษีพหลนั้นได้เดินออกจากสถานที่บำเพ็ญตะบะนั้นเพื่อออกแสวงหาผลไม้ในป่ามาฉันท์ขณะที่เดินผ่านสระน้ำในป่านั้น ก็มีดอกบัวชูช่อยู่ดาษดื่นฤๅษีพหลก็ เหลือบไปเห็นกุมารน้อยคู่หนึ่งนอนในดอกบัวนั้นจึงได้เก็มาเลี้ยงไว้ที่อาศรม ฤๅษรพหลจึงตั้งชื่อสองกุมารน้อยว่ารัตตะกุมาร กับ
ยมกะกุมาร ต่อมากุมารน้อยทั้งสองก็ได้
ร่ำเรียนวิชา
กับพระอาจารย์ดาบสองค์นั้นจะมีความสามารถรอบรู้หมดทุกอย่าง
ส่วนฤๅษีพหนลนั้นก็ได้ถ่ายทอดวิชาให้อย่างหมดสิ้นในที่สุด รัตตะกุมารกับยมกะกุมารก็เจริญเติบโต จนเป็นหนุ่มใหญ่สมชายชาตรีทุกอย่าง
สรุปแล้ว รัตตะกุมารก็คือ เจ้ารัก
ส่วนยมกะกุมาร ก็คือ เจ้ายม
สำหรับเจ้ารักนั้นเป็นผู้เลอโฉม
รวมทั้งหน้าตาลักษณะท่าทางมองแล้วเหมือนมานพน้อยมีรูปร่างมองแล้วไม่เบื่อตาเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็นทั่วไป ส่วนยมนั้นเล่าความหล่อเหลาด้อยกว่าเจ้ารักหน่อย เพราะคนเราเกิดมารูปธรรมนามธรรมเหมือนอย่างกับเจ้ายมถึงแม้จะรูปชั่วตัวดำไปนิด ถึงกระนั้นฤๅษีพหลก็ยังมีความรัก ความสงสารยิ่งขึ้น จึงมอบวิชาต่าง ๆ ให้กับเจ้ายมเป็นพิเศษ
เป็นอันว่า
เรื่องเชี่ยวชาญในเชิงขบวนยุทธจักร
และเวทย์มนต์คาถาต้องยกให้เจ้ายมคนเดียวยุคนั้นวันหนึ่ง รัตตุมาร
(เจ้ารัก) กับยมกะกุมาร (เจ้ายม)
สองพี่น้องก็คิดอยากจะไปเที่ยวหัวเมืองต่าง ๆ
จึงได้กราบลาพระอาจารย์เพื่อออกแสวหาประสบการณ์ต่าง ๆ
จึงได้ออกเดินทางจนไปถึงเมืองใหญ่แห่งหนึ่งด้วยความ ปรีชาสามารถต่าง ๆ ของกุมารน้อยทั้งสอง จึงได้เข้ารับราชการกับพระราชาเมืองนั้น
อยู่ต่อมาไม่นานพระราชาจึงแต่งตั้งให้รัตตะกุมาร (เจ้ารัก)
เป็นทหารเอาไปครองแคว้นเมือง เมืองหนึ่ง ส่วนยมกะกุมาร
(เจ้ายม) นั้น
พระราชาแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับในด้านหัวเมืองต่าง ๆ ระหว่างที่รัตตะกุมาร (เจ้ารัก)
รับราชการอยู่นั้นเพราะความหล่อเหลามานพน้อย
จึงเป็นที่หมายตาต้องใจของพระธิดาลูกเจ้าเมืองนั้นทั้งสอง
จึงเกิดความรักใคร่กัยิ่งนานวันความรักยิ่งประทับแนบแน่นยิ่งขึ้น
ต่อมาพระราชาได้ทราบข่าวของคนทั้งสองจึงไม่พอพระทัยทรงขัดขวางความรักทั้งสองอยู่ตลอดเวลา
พระราชา ทรงตรัสว่า “เจ้ารักกับราชนิกุลไม่ควรคู่กัน” พระราชาต้องการให้พระธิดาอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอีกเมือง
หนึ่ง ซึ่งเป็นราชตระกูลกษัตริย์เท่าเทียมกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นพระราชาจึงตัดสินใจส่งพระธิดาไปฝากไว้กับเจ้าเมือง ๆ หนึ่ง
รัตตะกุมาร (เจ้ารัก)
ทราบข่าวว่าพระราชาได้แยกคนรักของตนไปอยู่เมืองอื่น จึงเกิดความแค้นเคืองเป็นยิ่ง
นักเจ้ารักจึงวางแผนฆ่าพระราชาอยู่ตลอดเวลาส่วนเจ้ายมคนน้องถึงแม้จะปมด้วยของชีวิตแต่ก็เป็นคนรอบคอบเป็นคน อารมณ์เย็นจึงได้มายับยั้งการวางแผนฆ่าพระราชาเพราะมันจะมีความผิดอย่างมหันต์
สามวันผ่านมาเจ้ารักก็กินไม่ได้นอนไม่หลับจะนั่งจะเดินก็กระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาเพราะด้วยพิษรักอันแสนเสน่หาของพระธิดาองค์นั้น จึงหน้ามืดตามัว
คิดจะปลงพระชนม์จึงได้ลอบเข้าไปในพระราชวัง จนถึงห้องบรรทมของพระราชาและได้ใช้อาวุธคู่มือ สับพระราชาอย่างไม่มีชิ้นดี จนพระราชาสิ้นพระชนม์
เมื่อฤๅษีพหลผู้เป็นพระอาจารย์ทราบข่าวการกระทำของ รัตตะกุมาร
(เจ้ารัก) จึงเกิดความโกรธแค้นเคืองยิ่งนัก
ที่ศิษย์ของตนละเมิดคำสั่งสอน
จึงได้เรียกกุมารทั้งสองกลับมาเมื่อกุมารทั้งสองเดินทางกลับมาถึงอารมของฤๅษีพหลผู้เป็นอาจารย์
เจ้ารักจึงได้สำนึกผิดและได้สารภาพต่อผู้เป็นพระอาจารย์และมีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ละเมิดคำ สั่งสอนของพระอาจารย์ฤๅษีพหลจึงได้ตัดสินใจให้รัตตะกุมาร (เจ้ารัก) สละเพศฆราวาส ให้บวชประพฤติตนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อลบรอยมลทินที่ได้สร้างมาจนกว่าจะสิ้นชีวิตจากโลกไป
ส่วนยมกะกุมารหรือเจ้ายมนั้น
ครั้นเมื่อสู่วัยชราจึงได้สละเพศฆราวาสได้ออกบวชตามพี่ชาย (เจ้ารัก)
เพื่อบำเพ็ญศีลภาวนา
ตามอาศรมของพระฤๅษีในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วไป
ต่อมาฤๅษีพหลผู้เป็นพระอาจารย์ถึงวัยชราใกล้ถึงการอายุขัย ย่อมหนีกฏแห่งกรรมไม่พ้นคือ มีเกิดก็ต้องมีดับเหมือนกันทุกชีวิต
ฤๅษีพหลจึงเรียกสองนักบวชผู้เป็นศิษย์มาพบอีกครั้งหนึ่งเมื่อสองพระกุมารมาพบพระอาจารย์ฤๅษีพหลจึงถามศิษย์ทั้งสองว่า “อยากได้อะไรที่เหนือกว่าโลกนี้” สองจะปฏิบัติตามคำอาจารย์หมดทุกอย่าง” ฤๅษีพหลจึงให้พรว่า “เจ้าทั้งสองแม้จะไปเกิดชาติปางใดก็ตามขอให้เสน่ห์เป็นที่รักของคนทั่ว
ๆ ไป
จะไม่มีศัตรูทั้งปวงจะไปเกิดบนโลกมนุษย์ไม่ได้ ท่านทั้งสองจะต้องเป็นวัตถุ
แต่ไม่มีชีวิตจิตใจวัตถุสิ่งนั้นจะต้องดังมีชื่อเสียงก้องยืนนาน”
เมื่อฤๅษีพหลกล่าวพรจบทานก็ถึงกาลกิริยาวิญญาณ ก็ออกจากร่างไป ณ
ที่นั้น
พระกุมารทั้งสองจึงได้ทำการขุดหลุมฝังศพของฤๅษีพหลผู้เป็นพระอาจารย์ในที่นั้น
ต่อมาไม่นานหลุมฝังศพของฤๅษีพหลก็เกิดมีไม้ชนิดหนึ่งขึ้นมา มีดอกซ้อนแพรวพราวอันสวยงาม แถมยังเป็นไม้ที่ปวงชนรักใคร่กันทั่วไป ดังประชาชนที่เรียกกันทุกวันนี้ว่า
ต้นรักซ้อน
ต่อมาก็ได้มีพันธ์ไม้อีกชนิดหนึ่งได้ขึ้นคู่เคียงกับต้นรักซ้อนมีผลชูช่ออันตระกานตาจนภายหลังมีชื่อขานนามว่ารักยม
ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกกันว่ามะยมด้วยข้อมูลที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นนักปราชญ์ คณาจารย์ต่างคิดค้นทำรักยกกันขึ้นมา นี่แหละครับความเป็นมาของรักยมรวมทั้งข้อมูลต่าง
ๆ ที่กล่าวมาแล้ว
ผมเองก็เคยเจอฤิทธิ์ของเจ้าเครื่องรางประเภทนี้มากับตัวเองแล้ว กล่าวคือเมื่อตอนผมเป็นวัยรุ่นผมไปนอนค้างที่บ้านของอาผม ห้องที่ผมนอนผมนอนคนเดียว บ่ายวันหนึ่งว่างๆ ไม่ได้ไปไหนผมก็งีบนอนสักพัก ก่อนนอนก็ถอดพระที่แขวนคอ(หลวงปู่ทวด วัดบางนอน รุ่นแรก) ออกห้อยไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง และก็นอนหลับไป พอหลับไปได้พักใหญ่ก็โดนผีอำ ชะชะชะ....กล้ามาอำชัช ผมก็ดิ้นสู้มัน
สู้ยังไงก็ไม่หลุด มองไปรอบห้องทั้งๆที่ยังหลับก็เห็นพระที่แขวนไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง พอจิตมุ่งไปที่พระเท่านั้นแหละ ความรู้สึกเหมือนกับมีอะไร คล้ายกระแสไฟแตกดังเปรี๊ยะ แล้วกระเด็นไปตกบนหลังตู้ที่ตั้งอยู่ปลายตีนเตียง พอดิ้นหลุดลุกขึ้นได้ก็ไม่รอช้า โดดจากเตียงไปคว้าพระมาแขวนคอทันที ไม่เท่านั้นยังเอาเก้าอี้มาปีนดูหลังตู้ด้วย เพราะอยากรู้ว่ามันคืออะไร??
พอปีนเก้าอี้ขึ้นไปดูก็เห็นขันโลหะขนาดย่อมๆใบนึง ข้างในใส่พวกเหรียญพระสีผึ้งตะกรุดเล็กตะกรุดน้อย และขวดรัก-ยมทีมัดรวบไว้ด้วยกันอีกประมาณ 20 กว่าขวด ผมก็..ชะชะชะ...รู้ละว่าอะไร เดี๊ยวพ่อเอาเผาไฟให้วายวอด แต่มานึกดูน่าจะเป็นของอาเขย เพราะขานั้นก็ชอบเล่นพระเครื่องเหมือนกัน เลยอย่าทำให้เสียน้ำใจกันดีกว่า แต่ว่านะห้องของอาเขยกับอาผมก็มี ห้องพระก็มี ทำไมไม่เอาไปไว้ กลับเอามาไว้ห้องรับรองแขก แต่ช่างเถอะผมก็เลยเอาขันเจ้าปัญหาไปซ่อนไว้ที่ห้องอื่นแทน .... อิอิ
สำหรับรัก-ยมของหลวงปู่ตัวผมเองไม่ได้เจอประสบการณ์ตรง กับตัวเองแต่น้องสาวเป็นคนเจอ เรื่องมันมีอยู่ว่า.........น้องสาวผมกับแฟนของเขาได้ไปทำบุญที่วัดหัวลำโพง และได้ไปบูชารักยมมา 1 ขวด ซึ่งในตอนนั้นน้องสาวผมกับแฟนเขาก็ไม่ได้สนใจ ว่าของวัดไหนหลวงพ่ออะไรอยากได้ก็บูชามา เมื่อนำกลับมาบูชาที่บ้านของเค้าได้สักพักก็เกิดเรื่องแปลกๆ คือมีเสียงก๊อกแก๊กๆ ในบ้าน 2 คนนี่ก็ชักกลัว จนถึงจุดไคลแม๊กซ์จากเสียงก๊อกแก๊กๆ คราวนี้ ราวตากผ้า....เลื่อนเองได้....เหมือนมีคนเข็น ให้เขาได้เห็นกับตา............????!!!!!!!
เจ้าน้องสาวผมก็เลยโทรมาปรึกษาผม อธิบายเล่าเรื่องอย่างกับผมเป็น พี่ป๋อง กพล ทองพลับ ที่กำลังออนแอร์ และขอร้องให้ช่วยมาเอารัก-ยมไปที เขาไม่กล้าไปหยิบไปจับเพราะมันหลอนเสียนี่กระไร ผมเองก็อยากรู้ว่าของอาจารย์ไหนหนอถึงได้เฮี้ยนปานนี้ เพราะถามน้องสาวเขาก็บอกว่าไม่รู้ อยากได้ก็บูชามาไม่ได้สนใจว่าเป็นของใครเสกใครสร้าง ตกเย็นมาเลิกงานก็เลยแวะไปเอารัก-ยมที่ว่า
พอไปถึงผมก็ไปหยิบเอาลงมาจากหิ้งพระเขา เอามาส่องๆดู ก็เห็นสัญลักษณ์*บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นของ .....หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ.....อ้าว....ของอาจารย์เรานี่เอง ถึงว่าทำไมถึงได้ขลังนักหนา ก็เลยคืนรักยมให้เขาไปพร้อมกับบอกเล่าว่าเป็นของหลวงปู่หงษ์ อาจารย์ของพี่เองไม่ต้องกลัวไม่ให้โทษ เอากลับไปบูชาให้ดี ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๊ยวจะมาเอาไปบูชาเอง หลังจากวันนั้นก็ไม่เห็นน้องสาวผม โทรมาเล่าเรื่องราวสยองขวัญสั่นประสาทอะไรอีก
พอไปถึงผมก็ไปหยิบเอาลงมาจากหิ้งพระเขา เอามาส่องๆดู ก็เห็นสัญลักษณ์*บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นของ .....หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ.....อ้าว....ของอาจารย์เรานี่เอง ถึงว่าทำไมถึงได้ขลังนักหนา ก็เลยคืนรักยมให้เขาไปพร้อมกับบอกเล่าว่าเป็นของหลวงปู่หงษ์ อาจารย์ของพี่เองไม่ต้องกลัวไม่ให้โทษ เอากลับไปบูชาให้ดี ถ้าไม่ไหวจริงๆ เดี๊ยวจะมาเอาไปบูชาเอง หลังจากวันนั้นก็ไม่เห็นน้องสาวผม โทรมาเล่าเรื่องราวสยองขวัญสั่นประสาทอะไรอีก
ป.ล. ลักษณะเหมือนอย่างในรูปนี้แต่ผมไม่ทราบชื่อรุ่น และไม่ทราบว่าใครสร้างออกที่ไหน จึงไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ให้ชัดเจน
*สัญลักษณ์ที่บอกว่าเป็นของหลวงปู่ ผมจำไม่ได้ว่าเป็นอะไรเพราะเรื่องมันนานมากแล้ว น่าจะเป็น...นะเมติ....หรือไม่ก็....ชื่อหลวงปู่....ต้องขออภัยที่จำไม่ได้ข้อมูลเลยไม่แน่นนัก
http://www.kumanthongsiam.com/webboards/212214/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B8%A2%E0%B8%A1-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B9%86%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2.html
ข้อมูลเรื่องรักยมจากเว็ป อิทธิ-ปาฏิหารย์ ต้องขออนุญาติด้วยครับ
http://www.kumanthongsiam.com/webboards/212214/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B8%A2%E0%B8%A1-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B9%86%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2.html
ข้อมูลเรื่องรักยมจากเว็ป อิทธิ-ปาฏิหารย์ ต้องขออนุญาติด้วยครับ
http://www.itti-patihan.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%A1-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%A1.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น