ได้ยินเสียงจั๊กจั่นร้องมาตั้งแต่ราวต้นเดือนเมษา หน้าร้อนปีนี้อากาศร้อนมากมายยิ่งกว่าปีก่อนๆ ขนาดตอนเช้ามืดอากาศก็ยังร้อนจัด แต่ก็แปลกที่ทำให้ชวนนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เฝ้ารอให้ถึงหน้าร้อนเร็วๆ พอปิดเทอมจะได้กลับไปเที่ยวบ้าน ที่ต่างจังหวัดจะได้ไปเที่ยวภูเขา ไปเข้าถ้ำ ไปเล่นน้ำตก ไปเที่ยวถ้ำปลา หรือไม่ก็ไปเล่นน้ำที่อ่างเก็บน้ำ ทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ คือการเดินเล่นไปตามคันนา หรือไม่ก็เดินทวนลำธารขึ้นไปต้นน้ำ ตอนแดดเปรี้ยงๆ อย่างไม่ยี่หระต่ออากาศที่ร้อนหูดับตับไหม้แม้สักนิด ช่าง ทน ถึก บึกบึน เสียนี่กระไร ^_=
เดินเที่ยวไปเรื่อยๆจนไปต่อไม่ไหวก็กลับ ขากลับเจอผลไม้บ้านใครปลูกไว้ก็สอยเอามากินตลอดทาง ครั้งนึงโชคดีเจอต้นมะขวิด ผมเอาหนังสติ๊กยิงจนลูกมะขวิดหล่น เก็บกลับบ้านเอาแช่ตู้เย็นไว้ แล้วเอามาโรยน้ำตาลทรายกินมันช่างอร่อยชื่นใจ ไปเที่ยวทุกวันไม่มีวันหยุด ไม่เกรงกลัวต่อความร้อนแม้สักน้อยหนึ่ง และหน้าร้อนยังมีมีจั๊กจั่นทอดกรุบกรอบ รสนุ่มละมุลลิ้นที่จะมีให้ได้กินปีละหนอีกด้วย
ที่จัดว่าเด็ดก็...มะปรางหวาน...ต้นเดียวในจังหวัด ที่ตาของผมเอาขึ้นมาจากทางใต้ มาปลูกไว้ข้างยุ้งฉาง รสชาติหวานสนิท เนื้อหนา ลูกใหญ่ แถมออกผลดกเต็มต้น ทุกปีที่ได้กลับบ้านต้องปีนขึ้นไปเก็บกิน พร้อมทั้งเอาไปขายได้เป็นเงินค่าขนม และที่สนุกที่สุดก็คือได้พบกับพี่ๆน้องๆคนอื่นที่กลับมาบ้านตอนปิดเทอมฤดูร้อน จะได้เที่ยวเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน พร้อมหน้าพร้อมตากัน...แค่ปีละ 1 ครั้ง
..แต่...พออายุมากขึ้นๆ กลับเกลียดหน้าร้อนขึ้นมาจับใจ อากาศร้อนทำงานไม่สนุก นอนไม่ค่อยหลับ เหงื่อออกเยอะแยะจนน่ารำคาญ คอยนับวันว่าเมื่อไหร่จะพ้นหน้าร้อนเสียที ผิดจากเมื่อตอนเด็กๆ ที่เฝ้ารอให้ถึงหน้าร้อนเร็วๆ และอยากให้เวลามันค่อยๆ เดินไปช้าๆ ไม่อยากให้วันเวลาที่แสนสนุกนี้ผ่านไปเร็วอย่างที่มันเป็น แต่ใครเล่าจะบังคับบัญชากาลเวลา ให้เป็นดังใจได้ เรื่องราวมากมายทุกๆอย่าง ผ่านเข้ามา และ ผ่านเลยไป พร้อมกับ....กระแสของกาลเวลา

ในหน้าร้อนปีหนึ่งผมได้ไปกราบหลวงปู่ท่าน และได้อาศัยพักอยู่กับท่านหลายวันพอประมาณ
เวลาว่างก็พักผ่อน เวลาไม่ว่างก็นอน มีวันนึงมีเวลาว่างกำลังพักผ่อน อยู่ที่ศาลาหน้ากุฏิหลวงปู่ ก็มีรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่เข้ามาจอดเทียบ
ชายผู้เป็นเจ้าของรถเดินลงมาและตรงเข้าไปที่ตู้วัตถุมงคลเพื่อจะเช่าพระ
ผมก็เข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ช่วยหยิบนู่นจับนี่ตามประสาผู้มีอัธยาศัยดี
คุยกันท่าไหนจำไม่ได้แต่จำได้ว่าคุยกับพี่แกถูกคอมาก พี่แกก็ชวนไปที่รถของแกผมก็ตามไปด้วยใจที่อยากรู้ว่าแกจะให้ดูอะไร
พอไปถึงรถแกก็บอกว่า พี่แกเป็นตำรวจมากราบหลวงปู่ ท่านบ่อย ๆ
รถคันนี้ท่านก็เจิมและตั้งชื่อให้ แถมยังมีสติ๊กเกอร์รูปหลวงปู่ท่านติดอยู่ที่กระจกหน้ารถ พี่ตำรวจก็เล่าต่อไปว่าเมื่อไม่นานมานี้พี่ตำรวจแกขับรถคันนี้ไปจับไม้เถื่อน
ขากลับแกโดนลอบยิงด้วยปืน พี่ตำรวจยืนยันว่าว่าอาก้า...ไม่ใช่หนังสะติ๊กอย่างที่ผมใช้ตอบเด็กๆแน่นอน
มือปืนก็ยิงมาเป็นชุดอย่างกะตั้งใจ จะฉายรอบเดียวไม่ต้องฉายซ้ำ แต่กระสุนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ถูกตัวรถ จะมีถูกก็ที่กระจกตรงด้านหน้าคนขับที่เดียวนัดเดียว แกก็พาผมได้ดูที่กระจกและชี้ให้ดู
พี่ตำรวจบอกว่ารอยนี้แหละที่โดนลูกปืน แต่กระจกไม่แตกลูกปืนมันเลยแฉลบออกเป็นรอยขีดแนวยาว ผมก็
โอ้ว์........มายก๊อด....หลวงปู่ท่านขลังขนาดรถยังเสกให้เหนียวได้
ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว แปลกม๊ากมาก แต่....ถ้ากระสุนนัดนี้เกิดยิงเข้าทะลุกระจก..พี่ตำรวจกับผมก็คงไม่มีโอกาศได้มาคุยกันอย่างนี้
ครับ...มีปัญหาที่หลาย ๆ
คนเคยถามกับผมและกับลูกศิษย์คนอื่น ๆของหลวงปู่ฯ ท่านเหมือน ๆ
กันคือเรื่องหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า ถ้าดื่มแล้วจะเสื่อม?
....จริงครับหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า
และให้รักษาศีลด้วยนะครับ เพราะท่านรักลูกศิษย์ ต้องการให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีศีล
และมีธรรม ไม่ไปก่อกรรมให้กับใครแม้แต่กับตัวเอง ที่ว่าดื่มเหล้าแล้วเสื่อม
ไม่ใช่ของเสื่อมนะครับ แต่เป็นตัวคนที่เสื่อม
เราดื่มเหล้าแล้วเสื่อมอย่างไรอันนี้คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือวัตถุมงคลรุ่น
ผ้าป่าสามัคคีกับหลวงปู่หงษ์ วันที่ 11 เมษายน 2553
ทราบว่าวัตถุมงคลชุดนี้เสกในตอนที่หลวงปู่ฯท่านเข้ากรรมฐาน รักษาโรค 19
วัน 19 คืน ด้วย ผมเองชอบใจเหรียญ
ที่ด้านนึงเป็นหลวงปู่ทวดฯ กับหลวงปู่ฯ อีกด้านนึงเป็น หลวงปู่สรวง เทพดาบส
ผมเองเมื่อก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องหลวงปู่สรวง
ว่าท่านจะมีอายุยืนยาว นับร้อย ๆ ปีอย่างที่เขาลือกัน
ผมคิดว่าคงเป็นแผนหากินกับพระตามเคย จนได้ยินข่าวแว่วๆจากบรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ ท่านด้วยกัน ว่าหลวงปู่ท่านเองก็เคยกล่าวว่า
หลวงปู่สรวงมีอายุยืนยาวมาหลายชั่วอายุคนจริง ๆ ไปครั้งนี้เลยคิดอยากจะถามเรื่องหลวงปู่สรวงกับท่าน
ทั้ง ๆ ที่น่าจะถามตั้งนานแล้ว แต่ก่อนอื่นตั้งไปเลียบ ๆ
เคียง ๆ ถามลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดองค์ท่านก่อนจะได้ไม่ผิดพลาด ถามหลวงพี่หวิน
ท่านก็บอกว่า
"หลวงปู่ท่านว่าท่านเกิดมาก็เห็น หลวงปู่สรวง เป็นอย่างนี้แล้ว
จนหลวงปู่สรวงมรณะภาพก็ยังเป็นเหมือนเดิม"
ผมก็มาคิดบวกลบดู หลวงปู่สรวง
อย่างน้อยท่านต้องอายุ 150 ปี โอเค ถามท่านพระป๋องต่อ
"ป๋อง
เคยไปกราบหลวงปู่สรวงกับหลวงปู่ไม่ใช่เหรอ แล้วเป็นไง"
...ครับพี่ครับ
ป๋องเคยไปกราบหลวงปู่สรวงกับหลวงปู่ หลวงปู่ท่านคุกเข่าพนมมือคุยกับ หลวงปู่สรวง
เลยนะพี่...
"หา...หลวงปู่นี่นะคุกเข่าคุยกับหลวงปู่สรวง"
...ครับพี่ครับ..
อืม...ถ้าหลวงปู่ท่านคุกเข่ากราบ และพนมมือคุยด้วยแบบนี้ ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ
อืม...ถ้าหลวงปู่ท่านคุกเข่ากราบ และพนมมือคุยด้วยแบบนี้ ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ
โอเค
ข้อมูลแน่นอนละต่อไปเข้าไปถามกับองค์ท่านเองเลย เช้าวันพุธที่ 21
เม.ย. เวลา 05.15 น. โดยประมาณ เป็นโอกาศดีเพราะไม่มีใครเลย สังเกตุเห็นว่าหลวงปู่ท่านก็อารมณ์ดี ดังนั้นถ้าอยากรู้อะไรก็ควรถามตอนนี้
"เอ่อ หลวงปู่ครับ เขาว่าหลวงปู่สรวงนี่อายุเป็นร้อยๆ ปีจริงหรือครับ"
หลวงปู่ท่านหันมามองหน้าทันที
ผมรู้แล้วเราคงถามเรื่องที่มันเกินตัว พ้นหัว ไม่ควรถามเข้าแล้ว แต่ท่านก็ยังเมตตาตอบว่า
"ไม่ชัดเจนหรอก "
แล้วท่านก็หันหน้ากลับไปดูข่าวทีวีเหมือนเดิม
แต่ก็ชั่วอึดใจนึงท่านก็หันกลับมา แล้วกล่าวว่า
"ตอนที่เขาสร้างวัดพระแก้วนะ หลวงปู่สรวง
ไปช่วยเขาขนอิฐขนทรายสร้างวัดด้วย กี่ปี่มาแล้วหาตอนเขาสร้างวัดพระแก้วน่ะ"
"200 กว่าปีครับ"
"เอ้อ..นั่นแหละตอนสร้างวัดพระแก้วน่ะหลวงปู่สรวงก็ไปช่วยเขาแบกทรายสร้างวัดด้วย"
นี่ถ้าไม่ได้ยินหลวงปู่ฯท่าน ยืนยันอย่างนี้นะ
ใครอมโบสถ์มาพูดก็ไม่เชื่อ เลยได้โอกาศเอาเหรียญผ้าป่าของโป๊ย ที่มีรูป
หลวงปู่สรวง หลวงปู่ทวดฯ หลวงปู่ฯ มาให้หลวงปู่ท่าน ประสิทธิ์ให้ พอท่านเสกเสร็จ
ท่านก็บอก
....หลวงปู่สรวง นี่ถ้านับถือแล้วดีม๊ากมาก เอารูปท่านไปแล้วต้องถือเน้อ
อย่าด่า อย่าว่า อย่าพูดคำหยาบ นับถือแล้วดีม๊ากมาก....




นี่คือหลวงปู่ท่านยืนยัน คือ
1
เรื่องหลวงปู่สรวงท่านอยู่เหนือวิสัยของคนธรรมดา
2
เหรียญที่โป๊ยสร้างชุดนี้ หลวงปู่ฯ ท่าน ถึงกับกล่าว ว่า
...นี่ถ้านับถือแล้วดีม๊ากมาก เอารูปท่านไปแล้วด้องถือเน้อ...
คือยืนยันว่านี่คือรูปของหลวงปู่สรวง
เป็นเครื่องระลึกแทนองค์ หลวงปู่สรวงท่านได้จริง
ส่วนตัวผม ผมรู้สึกรักเหรียญรุ่นนี้จริงๆ ตั้งแต่ผมบูชามาก็เอาไว้ใกล้ตัวตลอด รู้สึกได้ว่าเกิดความอบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น